Browse Tag by SEO
แนวทาง SEO อื่นๆ

เคล็ดลับ! ฟื้นธุรกิจเก่าให้กลับมาเฟื่องฟูเหมือนใหม่

การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ ส่งผลให้หลายธุรกิจที่ไม่ยอมเปลี่ยนเทคนิคในการโฆษณามียอดขายหรือจำนวนผู้ใช้บริการน้อยลง ในอดีตสื่ออย่างโทรทัศน์, วิทยุ, หนังสือพิมพ์และบอร์ดโฆษณาขนาดใหญ่สามารถสร้างชื่อเสียงให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก แต่ในปัจจุบันผู้คนให้ความสำคัญกับการใช้สื่อโซเชียลมีเดียมากกว่าสื่ออื่น ๆ

การนำความรู้ SEO หรือ Search Engine Optimization มาใช้กับแอปพลิเคชันและเว็บไซต์เป็นวิธีการใหม่ที่ช่วยสร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์สินค้าหรือบริการให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดย SEO จะทำหน้าที่เป็นเครื่องมือในการทำให้แอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ขึ้นมาอยู่ในหน้าแรกของ Search Engine อย่าง Google, Bing และ Yahoo เป็นต้น

หลักการทำงานของ SEO เริ่มที่การนำ Keyword ที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจและมีจำนวนคนค้นหาบ่อยมาใช้ในการทำ Content เช่น การเขียนบทความสาระความรู้, การเขียนคำโฆษณา, การทำวีดีโอหรือ Podcast เป็นต้น เคล็ดลับในการทำ SEO มีดังนี้

เคล็ดลับการทำ SEO

ตั้งชื่อบทความด้วย Keyword ชื่อบทความเป็นจุดแรกที่สามารถดึงดูดสายตาของผู้ที่สนใจ โดยการตั้งชื่ออาจเริ่มที่การใช้คำที่น่าสนใจ เช่น เคล็ดลับ, วิธี, How to, สูตรลับ หรือรีวิว เป็นต้น เพราะคำเหล่านี้จะช่วยให้ลูกค้าที่อยากทราบข้อมูลคลิกอ่านข้อมูลในบทความได้ นอกจากนี้การตั้งชื่อบทความด้วยคำถาม จะทำให้สามารถติดอันดับบน Search Engine ได้มากกว่าโดยเฉพาะใน Google เนื่องจาก Google ปรับเทคนิคเกี่ยวกับการทำ SEO ใหม่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น

เขียนอธิบายบทความอย่างสั้นด้วย Keyword การเขียนคำอธิบายเกี่ยวกับรายละเอียดภายในบทความสั้น ๆ พร้อมแทรกคีย์เวิร์ดเอาไว้ในประโยค จะช่วยให้ผู้ที่สนใจทราบถึงรายละเอียดของเนื้อหาเบื้องต้น

ตั้งชื่อไฟล์ภาพและรูปภาพด้วย Keyword การทำ SEO ให้กับรูปภาพเป็นสิ่งที่ช่วยให้เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันติดอันดับในส่วนของรูปภาพบน Search Engine ทั้งนี้การจะทำให้รูปภาพติดอันดับบนหน้าแรกได้ ควรเลือกใช้ภาพที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาภายในบทความ ด้วยการทำ SEO รูปภาพสามารถทำได้ง่ายกว่า การนำรูปภาพที่ฟรีที่อนุญาตให้ใช้ทางการค้าได้จากเว็บฟรีลิขสิทธิ์ต่าง ๆ จะช่วยให้เว็บไซต์ไม่ถูกร้องเรียนจากเจ้าของภาพ

เขียนบทความที่มีจำนวนคำมากกว่า 300 คำขึ้นไป โดยภายในบทความควรแทรก Keyword หลักและ Keyword ที่เกี่ยวข้องปริมาณ 1% ของคำทั้งหมด เช่น หากเขียนบทความ 300 คำ ควรมี Keyword หลักและ Keyword ที่เกี่ยวข้องประมาณ 3 คำ เป็นต้น

การนำหลัก SEO พื้นฐานมาใช้ ไม่เพียงแต่จะทำให้ธุรกิจเก่ากลับมาเฟื่องฟูเหมือนใหม่เท่านั้น แต่ยังสามารถดึงดูดกลุ่มเป้าหมายหลักให้เข้ามาได้มากกว่า และใช้เงินน้อยกว่าการโฆษณาแบบอื่น ๆ มาก ดังนั้นการทำ SEO จึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำสื่อโฆษณาในยุคปัจจุบัน

เคล็ดลับการทำ SEO

แนวทาง SEO อื่นๆ

เว็บไซต์มีเนื้อหาอยู่แล้วจะปรับอย่างไรให้ได้คะแนน SEO?

ปรับเว็บไซต์ให้ได้คะแนน SEO อย่างไร

การทำ SEO นั้นไม่จำเป็นต้องเริ่มจากหลายเว็บไซต์ที่ไม่มีเนื้อหามาก่อน แต่ในทางตรงข้ามหากเป็นเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาอยู่แล้ว จะทำให้การทำ SEO นั้นง่ายมากขึ้น แต่ถ้าเว็บไซต์ของคุณมีเนื้อหายังไม่มีการจัดการระบบภายในเว็บไซต์ให้ได้ตามหลัก SEO เรามาดูกันเลยดีกว่าว่ามีอะไรบ้างที่คุณควรใส่ใจ

ปรับเว็บไซต์ให้ได้คะแนน SEO อย่างไร

ปรับแต่งคีย์เวิร์ดในเนื้อหาที่มีอยู่แล้ว

หากเนื้อหาที่คุณสร้างขึ้นยังไม่มีการกำหนดรูปแบบการวาง คีย์เวิร์ด คุณสามารถเพิ่มคีย์เวิร์ดหรือปรับเปลี่ยนคีย์เวิร์ดภายในเนื้อหาได้ตามความเหมาะสม เพราะมันช่วยให้ bot ค้นหาเว็บไซต์คุณเพื่อใช้แสดงผลบนหน้าจอของ user ได้ แต่ก่อนการปรับเปลี่ยนใด ๆ นั้นควรมีการวางแผนคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมเอาไว้ล่วงหน้า โดยไม่ใช่การปรับเปลี่ยนตามใจชอบของตัวเอง

จัดเว็บไซต์ให้เป็นระบบและมีระเบียบมากขึ้น

เว็บไซต์ที่ดีควรมี category และ menu ที่เป็นระเบียบ เพื่อให้ผู้อ่านสามารถค้นหาเนื้อหาภายในเว็บไซต์ได้ง่าย ซึ่งไม่เพียงมีประโยชน์ต่อผู้ใช้เท่านั้น แต่มันยังมีผลกับ bot ของ search engine ด้วย

อย่ายุ่งกับ URL ต่าง ๆ ของเนื้อหาดีกว่า

URL แต่ละหน้าของเว็บไซต์เป็นสิ่งที่ bot ของ search engine ใช้ในการวิเคราะห์ตามหาเนื้อหาบนเว็บไซต์ของคุณ หากมีการเปลี่ยนแปลง อาจทำให้ bot จดจำ URL นั้นไม่ได้ ซึ่งนอกจากจะทำให้เกิดความยุ่งยากในการเปลี่ยนแปลง URL แล้ว ก็ยังทำให้ปัญหาต่าง ๆ ตามมาทีหลังได้เหมือนกัน เช่น การ error ของ URL หรือ 404 page not found

เช็คประสบการณ์การใช้งานของคนอ่าน

ประสบการณ์ผู้ใช้งานหรือที่เราเรียกว่า user experience นั้นอาจไม่ได้มีผลกับ SEO ทางตรง แต่มันมีผลในลักษณะที่เป็นทางอ้อม เพราะหากเว็บไซต์ของคุณมี user experience ที่แย่ ก็จะทำให้คนเข้ามาในเว็บไซต์ของคุณน้อยลงและไม่อยากกลับเข้ามาในเว็บไซต์ของคุณอีก

เว็บไซต์มีเนื้อหาอยู่แล้วจะปรับอย่างไรให้ได้คะแนน SEO

สร้างเนื้อหาต่อไป

บางคนคิดว่าเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาอยู่แล้วก็เพียงพอต่อการขึ้นอันดับ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าเนื้อหาของเว็บไซต์นั้นเป็นส่วนสำคัญมากที่สุดอย่างหนึ่งในการทำ SEO การมีเนื้อหาอยู่บนเว็บไซต์อยู่แล้วเป็นสิ่งที่ดี แต่การสร้างเนื้อหาต่อไปเรื่อย ๆ ด้วยกลยุทธ์ SEO จะทำให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับได้ดีขึ้น

เพิ่มความต่อเนื่องการสร้าง link

หากเว็บไซต์ของคุณยังไม่มีการสร้าง internal link และ external link ควรเริ่มต้นทำได้แล้ว เพราะ link ก็มีความสำคัญต่อการทำ SEO เช่นเดียวกัน แต่ถ้าเว็บไซต์ของคุณได้มีการทำ link อยู่แล้ว ก็ควรเพิ่มการสร้างต่อไปให้มีความต่อเนื่อง เช่นเดียวกับการสร้างสรรค์เนื้อหาที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง

เราจะเห็นว่าการปรับแต่ง SEO บนเว็บไซต์ที่มีเนื้อหามาก่อนนั้น มีทั้งสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ ฉะนั้นเจ้าของเว็บไซต์ที่ดีควรใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ และระมัดระวังการปรับแต่งเนื้อหาด้วย

SEO ทั่วไป

แนะนำ Keyword Search เครื่องมือสำคัญสำหรับทำ SEO

แนะนำ Keyword Search เครื่องมือสำคัญสำหรับทำ SEO

SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นเครื่องมือที่นักขาย นักการตลาด นักเขียนบล็อกหรือ Website ต้องรู้จัก เนื่องจากเครื่องมือชนิดนี้จะช่วยให้เป้าหมายของการทำ Website ไม่ว่าจะเป็นการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก หรือการสร้างยอดขายประสบความสำเร็จได้เร็วมากขึ้น เพราะการทำ SEO จะทำให้คุณติดอันดับการค้นหาต้น ๆ ในเว็บค้นหาข้อมูลต่าง ๆ เช่น Google, Bing, Yahoo! Search ฯลฯ ซึ่งแต่ละประเทศก็จะมีเว็บ Search Engine ที่ได้รับความนิยมแตกต่างกันไป

หลักการง่ายที่สุดที่ทำให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับหน้าแรกของ Search Engine คือ การเลือกใช้คำ หรือ Keyword ที่มีคนค้นหาเยอะ ซึ่ง Keyword Search เป็นเครื่องมือช่วยเช็คความนิยมของ Keyword แต่ละคำที่คิดไว้ว่ามีคนค้นหาเยอะหรือไม่? เพื่อให้ได้ Keyword ที่ดีที่สุดในการนำมาทำ SEO

เว็บไซต์ Keyword Search ที่ได้รับความนิยมมีหลายเว็บไซต์ ดังนี้

keywordtool.io เว็บไซต์ Keyword Search ที่ช่วยแนะนำ Long-tail Keyword ที่น่าสนใจ พร้อมจำนวนการค้นหาและประเมินความยากง่ายของแต่ละคีย์เวิร์ด โดยสามารถระบุเว็บไซต์ Search Engine หรือแพลตฟอร์มที่ต้องการทราบ Keyword ได้ด้วย เช่น Google, Youtube, Amazon, Bing ฯลฯ เพื่อให้มีได้ Keyword ที่มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ตรงเป้าหมายมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ค้นหาคำว่า “เลี้ยงหมา” เว็บไซต์ keywordtool.io จะมีคำขึ้นมาให้เลือกมากมาย เช่น เลี้ยงหมาป่า, เลี้ยงหมาจิ้งจอก, เลี้ยงหมากับแมว เป็นต้น มีทั้งเวอร์ชั่นฟรี (จำกัดการค้นหาเพียงวันละ 1 ครั้ง) เวอร์ชั่นเสียเงินจะสามารถหาข้อมูลได้ไม่จำกัด

neilpatel.com เป็น Keyword Search ที่ได้รับความนิยมมาก เพราะไม่จำกัดจำนวนในการค้นหา แม้จะไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายและสามารถค้นหา Keyword ที่เหมาะสมได้หลายภาษาด้วยกัน ภายในเว็บไซต์บอกจำนวนครั้งของการค้นหา, ระดับความยากง่ายในการนำคีย์เวิร์ดไปใช้ทำ SEO, ตัวอย่างบทความที่นำคำที่เกี่ยวข้องไปใช้, เว็บไซต์ที่นำ Keyword ไปใช้แล้วติดหน้าแรกของการค้นหาและแนะนำคีย์เวิร์ดใกล้เคียงที่น่าสนใจให้ด้วย

Google Keyword Planner เป็นบริการคาดคะเนจำนวนการค้นหาของ Google โดยตรง แม้จะมีบริการให้เลือกทั้งฟรีและเสียเงิน ซึ่งหากคุณจริงจังกับการทำเว็บไซต์เพื่อสร้างรายได้การสมัคร Google Keyword Planner ถือว่าคุ้มค่าเพราะมีความแม่นยำมาก โดยส่วนใหญ่แล้วนักการตลาดมือโปรมักจะเลือกใช้ Google Keyword Planner เพราะสามารถค้นหาได้หลายภาษา และเพื่อใช้ในการซื้อพื้นที่โฆษณาเพื่อให้ติดอันดับหน้าแรกของ Google ด้วย

สำหรับผู้ที่ต้องการหา Keyword ที่มีคนค้นหาเยอะ แต่ยังไม่มีประสบการณ์ในการใช้เครื่องมือเหล่านี้ ก็สามารถนำคำที่โชว์ขึ้นมาในช่องการค้นหาของ Google ก่อนที่จะกด Enter มาใช้ได้เช่นกัน หรือหาก Enter เพื่อค้นหาเรียบร้อยแล้ว ให้เลื่อนมาที่ด้านล่างสุดของ Google ก็จะเห็นส่วนแนะนำคำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับคำที่คุณค้นหาไป ซึ่งส่วนนี้ก็สามารถนำมาใช้ได้เช่นกัน

เว็บไซต์ Keyword Search ที่ได้รับความนิยม

SEO ทั่วไป

SEO คืออะไร จะวัดผลการเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร

SEO คืออะไร จะวัดผลการเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร

SEO เป็นหนึ่งในเทคนิคการตลาดที่ผู้เชี่ยวชาญในการทำธุรกิจออนไลน์แนะนำไว้ เนื่องจากจะช่วยเพิ่มยอดขายและจำนวนลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ แตกต่างจากการทำ SEM หรือ Search Engine Marketing ที่ต้องเสียค่าประมูลพื้นที่โฆษณาและจ่ายเงินแบบ PPC หรือ Pay Per Click ให้แก่ Search Engine อย่าง Bing, Yahoo หรือ Google

SEO หรือ Search Engine Organization คือ การออกแบบเว็บไซต์ให้ใช้งานง่าย เข้ากับไลฟ์สไตล์และความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย เช่น มีการวางผังโครงสร้างที่เหมาะสมกับการใช้งานในโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ มีการแยกหมวดหมู่สินค้าออกจากโฆษณา ที่สำคัญ คือ ผลิตบทความที่มีคุณภาพเพื่อให้สาระและประโยชน์แก่ผู้อ่าน โดยมีการใช้ Keyword ที่เหมาะสมและอัปเดตข้อมูลให้ทันสมัยที่สุด

ผู้ประกอบการทำธุรกิจออนไลน์ควรศึกษาขั้นตอนการทำ SEO อย่างละเอียดและควรทราบว่า โดยหลักการแล้ว การทำ SEO เป็นการสะสมข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ระบบ Algorithm AI อัจฉริยะของ Search Engine ประมวลผล และคัดกรองคุณภาพของเว็บไซต์เป็นระยะ จึงมักจะใช้เวลาในการเห็นผลการเปลี่ยนแปลง SEO ที่ 3 ถึง 6 เดือนขึ้นไป (ซึ่งขึ้นกับชนิดของธุรกิจด้วย เช่น การโรงแรม จะเห็นผลของ SEO ที่ 1 ปี ขึ้นไปหลังการทำ)

นอกจากการเห็นผลการเปลี่ยนแปลงด้านของยอดขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากการทำ SEO และฐานลูกค้าที่กว้างขึ้นแล้ว ผู้ทำเว็บไซต์ออนไลน์ยังสามารถเช็คการเปลี่ยนแปลงของลำดับการนำเสนอเว็บไซต์ที่ดีขึ้นได้ ด้วยวิธีที่กูรูการตลาดแนะนำไว้ 3 ช่องทาง ดังนี้

1. การใช้ Google Search Console

หลังจากการติดตั้ง Google Search Console และเชื่อมเข้ากับเว็บไซต์แล้ว ก็สามารถที่จะใส่ Keyword เพื่อตรวจสอบได้ว่าเว็บไซต์ของคุณอยู่ในอันดับที่เท่าไหร่ ซึ่งจะปรากฏผลเป็นค่า CTR หรือ Click Through Rate ที่หมายถึง จำนวนผู้ที่เห็นเว็บไซต์แล้วคลิกเข้ามาชม จากข้อมูลเหล่านี้ สามารถนำไปใช้เพื่อการปรับปรุงเว็บไซต์ในระยะยาวได้ด้วย

2. การเช็คผ่าน Application มือถือ

เพียง Download Application SEO SERP ลงในโทรศัพท์มือถือ กดติดตั้งแล้วใส่ Keyword ต่าง ๆ พร้อมกับ URL Address ที่ต้องการทดสอบลงไป จะปรากฏผลอันดับของเว็บไซต์ออกมาอย่างรวดเร็ว มีข้อดีคือสามารถเช็คได้ถึง 10 คีย์เวิร์ดในครั้งเดียว

3. การตรวจสอบผ่านเว็บไซต์ Serplab.Co.Uk

เป็นแหล่งเช็ค SEO ที่สะดวก เพียงใส่ Keyword พร้อมกับ URLลิงก์ลงไปก็จะสามารถเช็คอันดับของเว็บไซต์ SEO ได้ง่าย ๆ โดยเช็คพร้อมกันได้ 5 คีย์เวิร์ด

จะเห็นได้ว่าการทำ SEO มีประโยชน์หลากหลายด้าน และสามารถเช็คผลการเปลี่ยนแปลงได้จริง เพียงแต่ต้องใช้ระยะเวลาในการสะสมข้อมูล ผู้ประกอบการที่ต้องการประสบความสำเร็จในการทำเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ ควรศึกษาการทำและการวัดผล SEO ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อไม่ให้เสียโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจในระยะยาว

SEO เป็นหนึ่งในเทคนิคการตลาด

SEO ทั่วไป

วิธีเลือกบริษัททำเว็บไซต์ SEO ที่ไว้ใจได้

วิธีเลือกบริษัททำเว็บไซต์ SEO ที่ไว้ใจได้

การทำเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ เป็นช่องทางที่ทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วในปี 2019 หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีเว็บไซต์ แต่มีผู้เข้าชมน้อยหรือยังไม่ประสบความสำเร็จในด้านยอดขาย การเลือกบริษัทที่ช่วยในการทำเว็บไซต์ SEO ที่มีคุณภาพ จะช่วยทำให้มียอดผู้ชมมากขึ้น สามารถขยายฐานลูกค้าและมียอดจำหน่ายที่ดียิ่งขึ้นตามมาได้

วิธีการเลือกบริษัทรับทำเว็บไซต์ SEO ที่ไว้วางใจได้ มีดังนี้

1. ความน่าเชื่อถือ

หากคุณมีเพื่อนที่ทำกิจการเว็บไซต์ออนไลน์ แล้วประสบความสำเร็จจากการจ้างบริษัท SEO บริษัทใดอย่างต่อเนื่อง ขอให้คุณพิจารณาเลือกบริษัทเหล่านี้เป็นอันดับต้น ๆ เพราะมีโอกาสสูงที่จะได้รับความสำเร็จ และมีเปอร์เซ็นต์ถูกทิ้งงานต่ำ นอกจากนี้ ยังอาจได้ราคาในการจ้างงานแบบโปรโมชั่นพิเศษ เพราะเป็นการบอกต่อของลูกค้านั่นเอง

2. เปรียบเทียบข้อมูลหลายบริษัท

ปัจจุบันมีบริษัททำ SEO มากมาย ที่มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ทั้งในกลุ่มของ Facebook และที่หาได้จากการสืบค้นด้วย Google search ซึ่งคุณควรพิจารณาค่าใช้จ่ายและประโยชน์ที่จะได้รับ เพื่อเปรียบเทียบว่าค่าใช้จ่ายในการจ้างงานบริษัทใดคุ้มค่ากว่ากัน

3. การการันตีผลลัพธ์

ควรระวังการการันตีผลลัพธ์ที่เกินความจริงในการทำ SEO โดยเฉพาะ 2 ประเด็นต่อไปนี้

สามารถทำให้อันดับในการสืบค้นเว็บไซต์คุณสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะเวลา 2-3 อาทิตย์

การันตีว่าเมื่อพิมพ์หาด้วย keyword เช่น ร้านขายเสื้อผ้าออนไลน์ จะแสดงผลเว็บไซต์ของคุณจะขึ้นเป็นอันดับ 1 แน่นอน

เพราะระบบ algorithm ของ Google มีความซับซ้อน ประเมินผลจากข้อมูลที่ประมวลลงในระบบคอมพิวเตอร์เป็นระยะ จึงใช้เวลาสะสมข้อมูลนาน 2-3 เดือนขึ้นไป และยังไม่สามารถการันตีผลลัพธ์ได้ว่าจะเป็นอันดับที่ 1 การการันตีผลลัพธ์ที่ดีเกินจริงในเวลารวดเร็ว เป็นสิ่งที่ต้องระวังไว้ให้มาก

4. สัญญาทางกฎหมาย

การจ้างงานทำ SEO โดยมากจะใช้ระยะเวลาเป็น 6 เดือนถึง 1 ปี ในการที่จะเห็นผล จึงมักมีการทำสัญญาระหว่างกัน ทั้งนี้ควรพิจารณาข้อมูลตามหลักกฎหมายให้ดี สิ่งที่ห้ามมองข้าม คือ กรณีที่บริษัททำ SEO ไม่สามารถที่จะทำผลงานให้ดีตามที่วางแผนไว้ได้ จะมีการจะรับผิดชอบอย่างไร หรือสามารถที่จะเปลี่ยนเป็นบริษัทอื่น โดยได้รับค่าทดแทนอย่างไรบ้างวิธีการเลือกบริษัทรับทำเว็บไซต์ SEO ที่ไว้วางใจได้

เรียกได้ว่า การเลือกบริษัทรับทำ SEO ในปัจจุบัน นอกจากดูที่ราคาค่าใช้จ่ายที่ประหยัดต้นทุนทางธุรกิจของคุณแล้ว ยังต้องดูตัวอย่างผลงานที่ผ่านมา ที่สำคัญ คือ การรับรองผลลัพธ์ ต้องสัมพันธ์กับหลักการความเป็นจริงในการทำ SEO ด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกหลอกลวงจากกลุ่มมิจฉาชีพที่แฝงตัวมา และยังทำให้เว็บไซต์ของคุณไม่เสียโอกาสในการสร้างความเติบโตทางธุรกิจแข่งกับคู่แข่งรายอื่นด้วย

SEO ทั่วไป

ทำไมจึงควรจ้างบริษัทที่มีประสบการณ์ทำ SEO ให้เว็บไซต์คุณ

การแข่งขันทางธุรกิจในปัจจุบันมีคู่แข่งจำนวนมาก โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจผันผวน การช่วงชิงจังหวะในการเพิ่มรายได้และขยายฐานลูกค้าให้มากที่สุดเป็นสิ่งสำคัญ หากอยากขายสินค้าบนโลกออนไลน์ให้ได้มาก จึงจำเป็นต้องจ้างบริษัทที่มีประสบการณ์ทำเว็บไซต์ SEO ที่มีคุณภาพ เพื่อเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายให้ได้อย่างรวดเร็ว

การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นเทคนิคหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างสูง เพราะสามารถทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้มากขึ้น โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใดให้แก่ Search Engine

ในการจ้างทำเว็บไซต์การทำ SEO นั้น นักธุรกิจที่เป็นเจ้าของแบรนด์ควรทราบว่าประกอบด้วย 2 ส่วน คือ

1. On-Page SEO เป็นการจัดการโครงสร้างของเว็บไซต์ ให้มีความสวยงามและดูเป็นมืออาชีพ มีการจัดหมวดหมู่ของสินค้าและบริการ เช่น การตอบคำถามข้อสงสัย เพื่อให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายคลิกใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ทั้งบนหน้าจอคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ ทั้งต้องมีการออกแบบโลโก้ ตัวอักษร ธีมสีประจำเว็บไซต์ เพื่อให้เกิดการจดจำได้ง่ายและติดตลาดอย่างรวดเร็วด้วย

นอกจากที่กล่าวมาแล้ว การผลิตบทความ SEO ที่มีคุณภาพโดยการใส่ Keyword หลักและรองที่ผ่านการวิจัยแล้วว่าสอดคล้องกับการค้นหาจริงใน Search Engine ก็มีความสำคัญ จะทำให้เพิ่มโอกาสในการสืบค้นได้มากขึ้น เนื่องจากระบบ AI อัจฉริยะจะวิเคราะห์และประมวลคุณภาพของบทความในแต่ละเพจ เพื่อนำมาสู่การจัดอันดับ SEO นั่นเอง

2. Off-Page SEO เป็นการสร้างลิงก์ เพื่อเชื่อมโยงเว็บไซต์ทางธุรกิจของคุณกับช่องทางการสื่อสารภายนอก ไม่ว่าจะในห้องแชทบนโลกโซเชียล ใน Facebook หรือ Pantip ที่คุณสามารถไปแสดงความคิดเห็นและโพสต์ลิงก์เพื่อให้ผู้ที่สนใจเข้ามาหาข้อมูลจากเว็บไซต์ทางธุรกิจของคุณได้ เช่น คุณทำเว็บไซต์ขายรถยนต์มือสอง ควรสอนวิธีการดูรถมือสองไม่ให้ถูกหลอก จะทำให้ผู้ที่กำลังหาซื้อรถสนใจและเข้ามาสอบถามหรือใช้บริการจากเว็บไซต์คุณมากขึ้น ซึ่งวิธีการนี้เรียกว่า การทำ Backlink เป็นเทคนิคที่นิยมทั้งในไทยและต่างประเทศ จะช่วยให้ขยายฐานลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว

การทำ SEO ทั้งสองส่วนที่กล่าวมา จะทำให้มีการเพิ่มจำนวนผู้ที่คลิกเข้ามาชมในเว็บไซต์คุณ หรือเรียกว่าเพิ่มค่า CTR ร่วมกับการเพิ่ม Traffic ของผู้คนที่เข้ามาใช้บริการเว็บไซต์คุณ ก็จะทำให้มีอันดับ SEO ที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ตามมา

จะเห็นได้ว่า การทำ SEO ให้ได้ผลเร็ว ต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์อย่างสูง หากต้องการบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจทั้งยอดขายและจำนวนลูกค้า ควรเลือกบริษัทที่มีคุณภาพในการทำ SEO ให้ได้ผลตามเป้าหมาย เพื่อให้มั่นใจว่าแม้จะเป็นเว็บไซต์น้องใหม่ที่เพิ่งสร้างมาไม่นาน ก็สามารถติดตลาดแข่งกับเว็บไซต์ที่ก่อตั้งมานานได้

การจ้างทำเว็บไซต์การทำ SEO

SEO ทั่วไป

การทำ SEO แบบใดที่ล้าสมัยไปแล้ว

การทำ SEO แบบใดที่ล้าสมัยไปแล้ว

แฟชั่นยังมีการตกยุค SEO ย่อมต้องมีรูปแบบที่ล้าสมัย ยิ่งปัจจุบันการแข่งขันด้านนี้มีแนวโน้มสูงขึ้น หลากหลายสินค้า และบริการจึงมีการคิดค้นการโปรโมทที่แตกต่าง ให้มีความน่าสนใจมากขึ้น มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น รวมไปถึงเจาะกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด มาตรวจสอบดูว่า SEO ที่คุณกำลังทำอยู่ ล้าสมัยไปแล้วหรือยัง

1.การแลกลิงก์โดยเนื้อหาไม่เชื่อมโยงกัน

วิธีนี้กลายเป็นสิ่งที่ล้าสมัยไปแล้ว การสร้างพันธมิตรด้วยการมี Backlink เป็นสิ่งดี แต่เนื้อหาของคุณกับอีกเว็บไม่ต้องสอดคล้องกัน ป่วยการที่จะทำให้ผู้บริโภคคลิกลิงก์เข้ามาชมเว็บของคุณ เพราะสิ่งที่สนใจกับสิ่งที่คุณแนะนำมันเป็นคนละอย่างกันโดยสิ้นเชิง

2.การอัด Keyword แน่นเกินไป

การอัด Keyword แน่นจนไม่คำนึงถึงเนื้อหา อาจทำให้ SEO ของคุณติดอันดับในช่วงแรก แต่เชื่อหรือไม่ว่า นอกจากจะทำให้ผู้บริโภครู้สึกเบื่อหน่ายที่ต้องมาพบเจอคำซ้ำซากในบทความของคุณแล้ว คุณยังเสี่ยงที่จะถูกแบนจาก Google ได้ทุกเวลา

3.เปิดดูในมือถือไม่ได้

นี่คือยุคแห่งสมาร์ทโฟน การติดตามข่าวสารสามารถทำได้เพียงกดสมาร์ทโฟน ฉะนั้นหากเว็บของคุณดูได้เฉพาะในคอมพิวเตอร์ก็คงทำให้เสียประโยชน์จากกลุ่มผู้บริโภคที่ดูผ่านโทรศัพท์

4.คอมเมนต์แล้วแทรกลิงก์

ในยุคที่โซเชียลมีเดียเริ่มเข้ามามีอิทธิพลใหม่ ๆ วิธีการดังกล่าวเป็นที่นิยมอย่างมาก และทำได้ง่ายเพียงเข้าไปคอมเมนต์ใต้บทความอื่น ๆ แล้วแทรกลิงก์ของตนเองลงไปให้คนกดเข้ามาอ่านมาติดตาม ซึ่งบางทีสิ่งที่คอมเมนต์กับเนื้อหาในลิงก์เป็นคนละเรื่อง ปัจจุบันจึงมองว่าวิธีการแบบนี้เป็นแนวคิดที่ล้าสมัย และกลายเป็น สแปมที่น่ารำคาญ

5.ใช้ Keyword ซ้ำ

การใช้ Keyword ที่ซ้ำกับคนอื่น ยากที่จะทำให้เว็บของคุณถูกดันขึ้นมาอยู่ในอันดับต้น ๆ แน่นอนว่าผู้ที่ใช้ Keyword เดียวกับคุณ และทำการโปรโมทก่อน ย่อมได้เปรียบ

6.การจ่ายเงินให้ติดอันดับ

เป็นทางลัดที่หลายคนนิยม แต่หากเนื้อหาในเว็บของคุณไม่เป็นที่นิยมของผู้บริโภค อันดับของคุณก็จะค่อยๆลดลงไป หากคุณสร้างเว็บที่มีคุณภาพก็จะถูกจัดไว้ในอันดับต้น ๆ และไม่ต้องกลัวที่จะร่วงลงมา

7.ทำตามตำรา

ความเชื่อนี้ล้าสมัยไปแล้ว แน่นอนว่าคนที่ทำ SEO ย่อมต้องศึกษาตำรามาเช่นเดียวกับคุณ มีความเข้าใจแบบเดียวกัน รูปแบบที่ทำออกมาคงไม่ต่างกันนัก การลองผิดลองถูก ลองคิดแหวกแนวจากตำราต่างหากจะเป็นการสร้างเอกลักษณ์ให้แก่ตัวคุณเอง

หากคุณยังคงมีพฤติกรรมดังตัวอย่างข้างต้น คงยากที่จะทำให้การจัดอันดับของคุณถูกดันขึ้นมา ถ้าตอนนี้อันดับของคุณอยู่ในจุดที่พอใจแล้ว ก็อย่าหยุดนิ่งในการพัฒนา อย่าหยุดที่จะศึกษาหาความรู้ และควรเปิดใจยอมรับการเปลี่ยนแปลง

มาตรวจสอบดูว่า SEO ที่คุณกำลังทำอยู่ ล้าสมัยไปแล้วหรือยัง

SEO ทั่วไป

เนื้อหาคอนเทนต์แบบไหนมีผลต่อการเลื่อนอันดับ SEO

เนื้อหาคอนเทนต์แบบไหนมีผลต่อการเลื่อนอันดับ SEO

ปัจจุบันการวางแผนการตลาดออนไลน์เป็นที่นิยมด้วยความคาดหวังว่าจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายดีที่สุด หลายธุรกิจลงทุนจ้างผู้เชี่ยวชาญการทำ SEO ช่วยโปรโมทธุรกิจให้โดนใจและตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย โดยไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณการโฆษณามากเหมือนกับสื่อโฆษณายุคเก่า โดยใช้ทุกช่องทางที่มี ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดียรูปแบบต่าง ๆ ให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น แต่ผลตอบแทนกลับไม่ตรงกับความต้องการ ถึงเวลาแล้วที่จะต้องกลับมาปรับปรุงเนื้อหาของคอนเทนต์และพิจารณาเลือกช่องทางการโปรโมทที่ตอบโจทย์ความพอใจของลูกค้ามากที่สุดและได้รับผลลัพธ์การจัดอันดับใน Google ดีขึ้น

1.สิ่งแรกที่สำคัญคือเนื้อหาคอนเทนต์ แบรนด์ที่ประสบความสำเร็จจะลงทุนในกระบวนการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพโดดเด่น เขียนข้อมูลของธุรกิจครบถ้วน น่าอ่าน และตอบโจทย์สิ่งที่ลูกค้าสนใจอยากรู้ นอกจากจะนำเสนอข้อมูลตรงกับความต้องการของลูกค้าแล้ว ควรอัปเดตเนื้อหาใหม่ที่น่าสนใจเป็นประจำเพื่อเพิ่มโอกาสขายต่อเนื่องให้กับลูกค้ากลุ่มเดิม และเรียกความสนใจจากลูกค้า เพิ่มโอกาสขายให้กับกลุ่มเป้าหมายที่ยังไม่เคยซื้อหรือใช้บริการมาก่อน

2.การเขียนคอนเทนต์เป็นประจำ ทำให้เกิดความอิ่มตัวของเนื้อหา ซึ่งเป็นปัญหาที่หลายคนมองข้าม จำเป็นต้องขยันหาความรู้ใหม่ ๆ ติดตามเทรนด์ใหม่ หรือข่าวสารน่าสนใจที่เกี่ยวข้องอย่างสม่ำเสมอ ทำให้บทความในเว็บไซต์อยู่ในความสนใจของกลุ่มลูกค้าตลอดเวลาและอยากติดตามต่อ นอกจากนี้สามารถใช้วิธีการลิงก์กับบทความของบล็อกเกอร์ในเว็บไซต์อื่น ๆ เพื่อเพิ่มความหลากหลายของเนื้อหา ขณะเดียวกันยังเกิดประโยชน์ในการสร้าง Backlink กับเว็บไซต์ภายนอกย้อนกลับมาที่เว็บไซต์ของคุณด้วย ควรใช้อย่างพอดีและเป็นเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกันเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาถูกมองว่าเป็นสแปมทำให้เว็บไซต์ตกอันดับในการทำ SEO

3.กระบวนการสร้างเนื้อหาต้องคำนึงถึงคุณภาพมากขึ้น จะใช้วิธีปรับแต่งเนื้อหาและเว็บให้เหมาะกับการค้นหาของเสิร์จเอ็นจิ้นด้วยการเขียนคอนเทนต์ธรรมดา แทรกคีย์เวิร์ด และเพิ่มรูป 1-2 รูปจะไม่มีประสิทธิภาพอีกต่อไป เห็นได้จากอันดับการค้นหาที่ค่อย ๆ ตกต่ำลงไปทุกวัน อาจเกิดจากการโดน Google ลงโทษที่โพสต์ข้อมูลซ้ำ ๆ หรือคัดเลือกเนื้อหาและรูปจากเว็บอื่น ๆ เป็นผลจากการไม่อัปเดตเว็บไซต์เป็นเวลานาน หรือใส่รูปภาพมากเกินไปส่งผลให้เว็บโหลดช้า เป็นต้นสิ่งที่ควรทำเพื่อผลิตเนื้อหาที่มีคุณภาพและเพิ่มอันดับ SEO

สิ่งที่ควรทำเพื่อผลิตเนื้อหาที่มีคุณภาพและเพิ่มอันดับ SEO มีดังนี้

– การวิจัยคำหลักที่เกี่ยวข้อง
– เลือกพาดหัวน่าสนใจและตรงกับเนื้อหา
– กำหนดรูปแบบเนื้อหาบทความ รูปภาพและวิดีโออย่างเหมาะสม
– ปรับปรุงเนื้อหามีคุณภาพและทันสมัย
– แก้ไขและพิสูจน์อักษร
– เผยแพร่เนื้อหาเชื่อมโยงกับโซเชียลมีเดีย
– สร้าง Backlink กับเว็บไซต์ที่มีคุณภาพและน่าเชื่อถือ

4.อัปเดตคอนเทนต์ถูกจังหวะเวลา การโพสต์เนื้อหาคอนเทนต์ควรใส่ใจกับจังหวะเวลาที่เหมาะสม โดยประเมินพฤติกรรมของลูกค้าเป้าหมายว่าสนใจอ่านบทความเวลาไหนมากที่สุด เช่น ระหว่างเดินทางจากบ้านและที่ทำงานในตอนเช้าและตอนเย็น เวลาช่วงพักกลางวันหรือช่วงกลางคืนก่อนนอน สามารถตั้งเวลาโพสต์บทความผ่านโซเชียลมีเดียได้ทุกเวลา เพื่อให้มั่นใจได้ว่าโปรโมทธุรกิจเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายดึงดูดให้เข้าชมเว็บไซต์มากขึ้น พร้อมกับได้เลื่อนอันดับในหน้าผลการค้นหาสูงขึ้นด้วย

SEO ทั่วไป

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ SEO ที่นักธุรกิจออนไลน์รุ่นใหม่ควรทราบ

การตลาดออนไลน์ด้วยวิธีการแบบ SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นคำที่นักธุรกิจยุคใหม่ได้ยินมากขึ้น เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการขายสินค้าและบริการออนไลน์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตสูงมากในช่วงหลายปีมานี้

ในบทความนี้ เราจึงได้รวบรวมข้อเท็จจริงที่น่าสนใจเกี่ยวกับ SEO มาฝากกันเพื่อให้ทุกท่านได้พิจารณานำไปใช้กับธุรกิจออนไลน์ได้อย่างดียิ่งขึ้น ดังนี้

1. การทำ SEO จำเป็นต้องใช้เวลาในการสะสมข้อมูล ไม่สามารถทำแล้วเห็นผลอันดับที่ดีขึ้นได้ในทันที เนื่องจากการอันดับเว็บไซต์ในหน้าต่างการสืบค้น เมื่อมีการพิมพ์ด้วย Keyword ใด ๆ นั้น จะมีการวิเคราะห์ด้วยระบบคอมพิวเตอร์อัจฉริยะหรือ AI ของ Search Engine ไม่ว่าจะเป็น Yahoo, Bing, Google ทำให้เว็บไซต์ที่มีบทความคุณภาพสูง มีการอัพเดทข้อมูลที่ทันสมัยตลอดเวลา มีสื่อมัลติมีเดียที่ดึงดูดความสนใจจากผู้ชม ฯลฯ จะได้รับการจัดอันดับที่สูงกว่าเว็บไซต์ที่ขาดความสม่ำเสมอในการอัปเดตเนื้อหาและสื่อต่าง ๆ

2. เว็บไซต์ที่ถูกออกแบบให้ใช้งานได้ง่ายทั้งผ่านหน้าจอโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ย่อมเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้มากกว่าเว็บไซต์ที่ใช้งานได้กับเฉพาะคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะอย่างเดียว เนื่องจากไลฟ์สไตล์ของกลุ่มผู้ใช้งานเว็บไซต์ จะพกพาโทรศัพท์มือถือ Smartphone ติดตัวเพื่อหาข้อมูลและสั่งซื้อสินค้าต่าง ๆ มากกว่าการนั่งใช้คอมพิวเตอร์อยู่กับที่

3. การทำ SEO ไม่มีการเสียค่าใช้จ่ายให้แก่ทาง Search Engine จึงเป็นการเปิดโอกาสให้เว็บไซต์ที่มีต้นทุนน้อย หรือเว็บไซต์ที่เป็นน้องใหม่ทางธุรกิจ ได้มีโอกาสประชาสัมพันธ์และมีอำนาจในการแข่งขันกับเว็บไซต์แบรนด์อื่นที่ทำมาก่อน

4. การทำ SEO เป็นการปรับภาพลักษณ์ให้แก่แบรนด์หรือเว็บไซต์ที่มีการเปิดมานานได้เข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ โดยควรเลือกทีมงานที่เป็นคนรุ่นใหม่และมีความคิดสร้างสรรค์สูงในการที่จะปรับโฉมภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้มีความทันสมัย เช่น มีธีมของสีในการนำเสนอที่โดดเด่น แต่ดูสวยงามสบายตา มีการถ่ายทำคลิปวีดีโอที่มีเอกลักษณ์จากตัวพรีเซนเตอร์และเทคนิคการถ่ายนำ มีการผลิตเนื้อหาที่มีความน่าสนใจยิ่งขึ้นด้วยสไตล์การเขียน ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จะทำให้มีผลการจัดอันดับของเว็บไซต์ที่สูงขึ้น ควบคู่กับการสร้างภาพลักษณ์ที่ทันสมัย มีคนรุ่นใหม่ติดตามมากขึ้น และส่งผลต่อรายได้ทางธุรกิจที่จะมากขึ้นเรื่อย ๆ

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ SEO ที่นักธุรกิจออนไลน์รุ่นใหม่ควรทราบ

จะเห็นได้ว่า ข้อเท็จจริงของการทำ SEO ที่กล่าวมาเป็นสิ่งสำคัญที่ควรทราบสำหรับการทำธุรกิจออนไลน์ เพื่อการวางแผนและคาดหวังผลลัพธ์ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมในระยะยาว เราหวังว่าบทความนี้ จะทำให้ทุกท่านเกิดแรงบันดาลใจเรียนรู้การตลาดออนไลน์รูปแบบใหม่ ๆ เพื่อปรับใช้กับธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้ดียิ่งขึ้น

แนวทาง SEO อื่นๆ

เปรียบเทียบบทความที่ทำ SEO และไม่ได้ทำ แตกต่างกันอย่างไร ?

เปรียบเทียบบทความที่ทำ SEO และไม่ได้ทำ แตกต่างกันอย่างไร

หากคุณคิดที่จะขายสินค้าหรือบริการสักอย่างหนึ่ง การโฆษณาถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกๆ ที่จะทำให้สินค้าหรือบริการนั้นขายได้ โดยการโฆษณาที่เป็นที่นิยมในโลกออนไลน์ก็คือการทำ SEO เพื่อให้มีคน Search หาเจอได้ง่ายรวมกับเนื้อหาที่น่าสนใจประกอบกับรูปภาพทำให้น่าอ่านมากขึ้น ซึ่งการทำ SEO นี้ จะทำให้บทความนั้นๆ ถูกดันขึ้นให้ไปอยู่ในหน้าแรกๆของ Search Engine ดังๆอย่าง GOOGLE ได้ และคำตอบต่อมาคือ แล้วถ้าเราไม่ทำ SEO ล่ะ เราจะขายสินค้าได้หรือไม่ ? เพียงแค่ลงขายของอย่างเดียวได้หรือไม่ ? เรามาหาคำตอบในบทความนี้กัน

ข้อแตกต่างระหว่างบทความที่ทำ SEO และไม่ได้ทำ

เพิ่มโอกาสที่คนจะเห็นมากขึ้น การทำ SEO จะช่วยเพิ่มโอกาสที่จะทำให้มีคนเห็น Content นั้นๆมากขึ้น โดยจะสามารถค้นหาได้ง่ายจากการใส่ Keyword ที่มีการค้นหามากที่สุดลงไป ถือเป็นการโฆษณาง่ายๆ แต่ได้ผลที่ดีวิธีหนึ่ง แต่สำหรับบทความที่ไม่ได้ทำ SEO การค้นหาให้เจอเป็นเรื่องยาก เพราะไม่มีคำ Keyword ที่มีการค้นหา เนื่องจากการเขียนบทความทั่วไปก็จะเขียนโดยยึดสิ่งที่เราจะเขียนเป็นหลัก ไม่ได้ยึดจากสิ่งที่คนอื่นต้องการจะเห็น

ทำการตลาดได้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย หากเราทำ SEO โดยการเพิ่ม Keyword ลงไปในบทความนั้นๆ จะทำให้การ Search หาเป็นเรื่องง่าย กลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการก็จะหาเจอ ทำให้เรานำเสนอสินค้าหรือบริการได้ตรงตามกลุ่มเป้าหมายที่เราวางไว้ และยังทำให้ Website ของเรามีคนเห็นคนรู้จักมากยิ่งขึ้นด้วย แต่ถ้าไม่ทำ SEO เมื่อกลุ่มเป้าหมาย Search หาสินค้าหรือบริการต่างๆ ก็อาจจะไม่เจอบทความของเราเลยก็ได้

ขยายฐานลูกค้าได้ การทำ SEO เป็นตัวช่วยในการเพิ่มฐานลูกค้าหน้าใหม่และรักษาฐานลูกค้าเก่าๆ ให้คงอยู่อย่างเหนียวแน่น ด้วย Content ดีๆ ทำให้ลูกค้าหรือผู้อ่านจะติดตาม Website ของเรา เพราะ Content เหล่านั้นเป็นประโยชน์ต่อลูกค้านั่นเอง

ได้เปรียบคู่แข่งทางธุรกิจ สืบเนื่องจากข้อที่แล้ว หากเรามีการขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้เราได้เปรียบคู่แข่ง ไม่ใช่เพียงแต่ในประเทศไทยท่านั้น หากมีความรู้ทางด้านภาษาด้วยแล้ว การจะทำให้คนทั่วโลกได้เห็นสินค้าหรือบริการของเราก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

ข้อแตกต่างระหว่างบทความที่ทำ SEO และไม่ได้ทำ

ลงทุนน้อย ได้ผลมาก การทำบทความ SEO ลงทุนน้อยมากเมื่อเทียบกับการโฆษณาอื่น แต่ได้ผลตอบแทนอย่างมหาศาล เพราะหากเราสามารถสร้าง Content ดีๆ ให้คนติดตามมากๆ และขึ้นไปอยู่ในหน้าแรกของ Search Engine ดังๆ อย่าง GOOGLE ได้แล้ว จะทำให้มีคนเห็นเยอะมาก โดยที่เราไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณาเลย

ดังนั้นหากเราต้องการที่จะทำการตลาดออนไลน์ SEO ถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะเราจะสามารถเจาะตลาดได้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ได้เปรียบกว่าการตลาดแบบไม่ทำ SEO มาก เพราะแบบไม่ทำ SEO นี้กลุ่มเป้าหมายจะไม่เห็นในสิ่งที่เราต้องการจะนำเสนอ หรือเห็นในจำนวนน้อย