แนวทาง SEO อื่นๆ

เว็บไซต์มีเนื้อหาอยู่แล้วจะปรับอย่างไรให้ได้คะแนน SEO?

ปรับเว็บไซต์ให้ได้คะแนน SEO อย่างไร

การทำ SEO นั้นไม่จำเป็นต้องเริ่มจากหลายเว็บไซต์ที่ไม่มีเนื้อหามาก่อน แต่ในทางตรงข้ามหากเป็นเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาอยู่แล้ว จะทำให้การทำ SEO นั้นง่ายมากขึ้น แต่ถ้าเว็บไซต์ของคุณมีเนื้อหายังไม่มีการจัดการระบบภายในเว็บไซต์ให้ได้ตามหลัก SEO เรามาดูกันเลยดีกว่าว่ามีอะไรบ้างที่คุณควรใส่ใจ

ปรับเว็บไซต์ให้ได้คะแนน SEO อย่างไร

ปรับแต่งคีย์เวิร์ดในเนื้อหาที่มีอยู่แล้ว

หากเนื้อหาที่คุณสร้างขึ้นยังไม่มีการกำหนดรูปแบบการวาง คีย์เวิร์ด คุณสามารถเพิ่มคีย์เวิร์ดหรือปรับเปลี่ยนคีย์เวิร์ดภายในเนื้อหาได้ตามความเหมาะสม เพราะมันช่วยให้ bot ค้นหาเว็บไซต์คุณเพื่อใช้แสดงผลบนหน้าจอของ user ได้ แต่ก่อนการปรับเปลี่ยนใด ๆ นั้นควรมีการวางแผนคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมเอาไว้ล่วงหน้า โดยไม่ใช่การปรับเปลี่ยนตามใจชอบของตัวเอง

จัดเว็บไซต์ให้เป็นระบบและมีระเบียบมากขึ้น

เว็บไซต์ที่ดีควรมี category และ menu ที่เป็นระเบียบ เพื่อให้ผู้อ่านสามารถค้นหาเนื้อหาภายในเว็บไซต์ได้ง่าย ซึ่งไม่เพียงมีประโยชน์ต่อผู้ใช้เท่านั้น แต่มันยังมีผลกับ bot ของ search engine ด้วย

อย่ายุ่งกับ URL ต่าง ๆ ของเนื้อหาดีกว่า

URL แต่ละหน้าของเว็บไซต์เป็นสิ่งที่ bot ของ search engine ใช้ในการวิเคราะห์ตามหาเนื้อหาบนเว็บไซต์ของคุณ หากมีการเปลี่ยนแปลง อาจทำให้ bot จดจำ URL นั้นไม่ได้ ซึ่งนอกจากจะทำให้เกิดความยุ่งยากในการเปลี่ยนแปลง URL แล้ว ก็ยังทำให้ปัญหาต่าง ๆ ตามมาทีหลังได้เหมือนกัน เช่น การ error ของ URL หรือ 404 page not found

เช็คประสบการณ์การใช้งานของคนอ่าน

ประสบการณ์ผู้ใช้งานหรือที่เราเรียกว่า user experience นั้นอาจไม่ได้มีผลกับ SEO ทางตรง แต่มันมีผลในลักษณะที่เป็นทางอ้อม เพราะหากเว็บไซต์ของคุณมี user experience ที่แย่ ก็จะทำให้คนเข้ามาในเว็บไซต์ของคุณน้อยลงและไม่อยากกลับเข้ามาในเว็บไซต์ของคุณอีก

เว็บไซต์มีเนื้อหาอยู่แล้วจะปรับอย่างไรให้ได้คะแนน SEO

สร้างเนื้อหาต่อไป

บางคนคิดว่าเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาอยู่แล้วก็เพียงพอต่อการขึ้นอันดับ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าเนื้อหาของเว็บไซต์นั้นเป็นส่วนสำคัญมากที่สุดอย่างหนึ่งในการทำ SEO การมีเนื้อหาอยู่บนเว็บไซต์อยู่แล้วเป็นสิ่งที่ดี แต่การสร้างเนื้อหาต่อไปเรื่อย ๆ ด้วยกลยุทธ์ SEO จะทำให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับได้ดีขึ้น

เพิ่มความต่อเนื่องการสร้าง link

หากเว็บไซต์ของคุณยังไม่มีการสร้าง internal link และ external link ควรเริ่มต้นทำได้แล้ว เพราะ link ก็มีความสำคัญต่อการทำ SEO เช่นเดียวกัน แต่ถ้าเว็บไซต์ของคุณได้มีการทำ link อยู่แล้ว ก็ควรเพิ่มการสร้างต่อไปให้มีความต่อเนื่อง เช่นเดียวกับการสร้างสรรค์เนื้อหาที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง

เราจะเห็นว่าการปรับแต่ง SEO บนเว็บไซต์ที่มีเนื้อหามาก่อนนั้น มีทั้งสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ ฉะนั้นเจ้าของเว็บไซต์ที่ดีควรใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ และระมัดระวังการปรับแต่งเนื้อหาด้วย

SEO ทั่วไป, แนวทาง SEO อื่นๆ

ธุรกิจได้อะไรจากการเลือกทำ SEO ให้ถูกหลัก

ธุรกิจได้อะไรจากการเลือกทำ SEO ให้ถูกหลัก

ยุคนี้การทำธุรกิจหรือการขายสินค้าไม่ใช่แค่มีหน้าร้านแล้วจะช่วยให้ได้รับความนิยมอีกต่อไป ด้วยโลกออนไลน์ที่พัฒนาแบบก้าวกระโดด ทุกธุรกิจจึงจำเป็นต้องหันมาหาวิธีในการนำเสนอผ่านช่องทางนี้กันมากขึ้นเรื่อย ๆ บทความ SEO จึงถือเป็นอีกเทคนิคดี ๆ ที่จะช่วยทำให้คุณได้ประโยชน์กลับไปอย่างเต็มที่และคุ้มค่ามากที่สุด บางหน่วยงานยังคิดว่าการทำ SEO ไม่เห็นสำคัญเลยเพราะยังไงถ้าลูกค้าค้นหาก็ต้องเจอเว็บของเราบ้างแน่ ๆ แต่อย่าลืมว่าหากลูกค้าค้นเจอเว็บอื่นก่อน นั่นก็เท่ากับคุณขาดโอกาสทันที และนี่คือสิ่งที่ธุรกิจจะได้รับเมื่อตัดสินใจเลือกทำ SEO อย่างถูกหลัก

สิ่งที่จะได้จากการทำ SEO อย่างถูกหลัก

เพิ่มการเข้าชมของหน้าเว็บไซต์ให้มากขึ้น

เมื่อธุรกิจมีการโฆษณาด้วยช่องทางออนไลน์ การมีจำนวนคนที่เข้าถึงเว็บไซต์คุณได้มากเท่าไหร่ยิ่งเป็นผลดีในอนาคตมากขึ้น อย่างน้อย ๆ ถึงแม้ยังไม่ได้ซื้อตอนนี้แต่ก็มีสิทธิ์เก็บเอาไว้เป็นตัวเลือก หรือแนะนำคนที่กำลังอยากได้สินค้าประเภทนี้ให้เข้ามาเยี่ยมชมนั่นเอง

ได้รับความน่าเชื่อถือและกลายเป็นที่รู้จัก

แม้ว่ากลุ่มเป้าหมายที่เข้ามายังไม่ได้การันตีว่าทุกคนจะเป็นลูกค้าทุกราย แต่ถ้ามีคนเข้าเยอะเท่าไหร่นั่นหมายถึงกลายเป็นการสร้างความรู้จัก ความคุ้นชินให้กับคนที่เข้ามาได้เป็นอย่างดี เกิดความน่าเชื่อถือและน่าจดจำ ทำนองว่าถ้าคิดอยากซื้อสินค้าหรือบริการ ธุรกิจของคุณจะได้รับการนึกถึงเป็นลำดับต้น ๆ

ยอดขายพุ่งขึ้นอย่างน่าชื่นชม

เป็นเรื่องปกติเมื่อลงทุนการโฆษณาประชาสัมพันธ์นำเสนอสิ่งดี ๆ ของธุรกิจไปแล้ว ผลตอบแทนที่ต้องการคือ ผลกำไรจากการซื้อของลูกค้า เท่ากับว่าการใช้ช่องทาง SEO แบบนี้โอกาสที่ยอดขายจะพุ่งสูงขึ้นจากจำนวนคนที่เข้ามาดูมากกว่าปกติ อย่างน้อย ๆ คนที่เข้ามา 100 คน จะมี 1-10 คน คงต้องเป็นลูกค้าในอนาคตแน่ ๆ

ลดต้นทุน ช่วยเซฟเงินได้มากขึ้น

การลงทุนทำ SEO ถือว่าช่วยลดต้นทุนในด้านการโฆษณาออกไปเยอะพอสมควร ใครที่คิดว่าอยากนำเงินทุนของธุรกิจไปทำกับอย่างอื่นเพื่อผลกำไรที่งอกเงยมากกว่านี้ SEO คือ ตัวช่วยที่ใคร ๆ ก็ต้องชอบ เพราะลงทุนนิดหน่อยก็มีโอกาสทำให้ลูกค้ารู้จัก แถมถ้าศึกษาวิธีทำให้ติดอันดับหน้าแรกเอาไว้บ่อย ๆ คราวนี้ก็ไม่ต้องลงโฆษณาอะไรมาก นำเงินทุนไปรวมกับการผลิต พัฒนาสินค้า การจัดการและพัฒนาด้านบุคลากรได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย

จะเห็นได้ชัดเจนว่าสมัยนี้ธุรกิจออนไลน์ทุกประเภทต้องใช้สื่อออนไลน์เป็นตัวช่วยในการสร้างช่องทางใหม่ ๆ สำหรับจัดจำหน่ายหรือเพื่อนำเสนอให้คนรู้จักมากขึ้น การนำเอาบทความ SEO เข้ามาช่วย จะทำให้เกิดยอดขายสูงขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งช่วยประหยัดงบประมาณโฆษณาไปได้มากทีเดียว

สิ่งที่จะได้จากการทำ SEO อย่างถูกหลัก

SEO ทั่วไป

เทคนิคสร้างแบรนด์สินค้าด้วย SEO

เทคนิคสร้างแบรนด์สินค้าด้วย SEO

อาชีพขายของออนไลน์ เป็นอาชีพที่ได้รับความนิยมมาหลายปีติดต่อกัน หลายคนทำเป็นอาชีพเสริม หลายคนทำเป็นอาชีพหลัก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาชีพขายของออนไลน์เป็นอาชีพที่เริ่มได้ง่าย เพียงแค่มีโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ก็สามารถโพสต์สินค้าเพื่อขายบนเว็บไซต์ E-commerce ต่าง ๆ ได้

แต่สำหรับนักขายของออนไลน์มือโปร ก่อนการขายสินค้าสักหนึ่งชิ้น มือโปรเหล่านี้จะเริ่มที่การสร้างแบรนด์เพื่อให้สินค้าเป็นที่รู้จัก ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วจะเริ่มที่การสร้างเว็บไซต์สำหรับสินค้าขึ้นมาโดยเฉพาะ วิธีการสร้างแบรนด์สินค้าด้วยหลักการ SEO มีดังนี้

หลักการ SEO ในการสร้างแบรนด์สินค้า

1.เริ่มที่การหาสรรพคุณพิเศษของสินค้า เช่น รักษาอาการปวดเข่า หรือ ทำให้ผมนุ่มสลวย หรือ ทำให้ผิวชุ่มชื้น เป็นต้น แล้วนำสรรพคุณเหล่านี้มาเช็คบน Keyword Suggest เพื่อหา Keyword ที่กลุ่มเป้าหมายค้นหามากที่สุด โดยควรจด Keyword ที่ดีต่อการทำ SEO ให้กับแบรนด์ไว้อย่างน้อย 3 Keyword เพื่อนำมาใช้สลับสับเปลี่ยนกัน ซึ่ง Keyword ที่ดีต้องมี 2 ลักษณะ คือ 1. มีการค้นหาเยอะ 2. มีอัตราการแข่งขันต่ำ

2.สร้างเว็บไซต์โดยใช้ชื่อแบรนด์และสรรพคุณซึ่งเป็น Keyword หลักของสินค้า จากนั้นใส่ข้อมูลในหน้า About ให้ครบถ้วน

3.จัดเรียงหมวดหมู่ตั้งแต่แรกเริ่ม เพราะจะทำให้เว็บไซต์ได้รับความน่าเชื่อถือจาก Search Engine มากกว่า

4.นำรูปสินค้าไว้ที่หน้า Home พร้อมเขียนสรรพคุณทั้งหมด โดยตกแต่งให้สวยงามและแนบช่องทางการติดต่อให้ชัดเจน

5.เมื่อจัดการหลังร้านเรียบร้อยแล้ว ควรโพสต์บทความที่มีประโยชน์โดยตั้งชื่อบทความหรือ Title ด้วยประโยคที่น่าสนใจและมี Keyword หลักแทรกทุกครั้ง

6.เขียนเนื้อหาด้านในให้มีความยาวตั้งแต่ 300 คำขึ้นไป โดยในส่วนของคำนำ ควรมี Keyword อย่างน้อย 1 ครั้งและควรทำตัวหนาให้กับ Keyword

7.โพสต์รูปภาพระหว่าง Title และคำนำ เนื่องจากเป็นจุดที่มี Keyword รายล้อมมากที่สุด เริ่มที่การตั้งชื่อไฟล์รูปภาพด้วย Keyword และใส่ Alt Image หรือคำอธิบายภาพให้มี Keyword ด้วย นอกจากนี้การเลือกรูปภาพควรเลือกภาพที่มีความเกี่ยวข้องกับบทความและเป็นภาพที่ไม่มีลิขสิทธิ์ เพื่อป้องกันการฟ้องร้องเรื่องลิขสิทธิ์ในภายหลัง

8.โพสต์บทความอย่างน้อยวันละ 1 บทความ โดยต้องเขียนเป็นบทความใหม่ 100% โดยเช็คความสดใหม่ได้ที่ https://smallseotools.com/plagiarism-checker/

9.บทความที่เขียน ต้องเขียนให้อ่านออกเป็นภาษามนุษย์ เพราะหากเขียนไม่เป็นภาษาอาจทำให้ Search Engine คิดว่าเป็นสแปมได้

10.เช็คความเป็นมิตรกับสมาร์ทโฟน เนื่องจากคนส่วนใหญ่ใช้สมาร์ทโฟนในการดูเว็บไซต์เป็นหลัก ดังนั้นการปรับการตั้งค่าของเว็บไซต์ให้สามารถเปิดบนสมาร์ทโฟนได้เร็ว ง่าย ใช้สะดวก จึงเป็นสิ่งสำคัญ

หลักการสร้างแบรนด์ด้วย SEO เป็นหลักการเดียวกับการทำเว็บไซต์ ซึ่งวิธีด้านบนเป็นวิธีที่นักการตลาดมือใหม่ก็สามารถทำตามได้

หลักการ SEO ในการสร้างแบรนด์สินค้า

SEO ทั่วไป

แนะนำ Keyword Search เครื่องมือสำคัญสำหรับทำ SEO

แนะนำ Keyword Search เครื่องมือสำคัญสำหรับทำ SEO

SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นเครื่องมือที่นักขาย นักการตลาด นักเขียนบล็อกหรือ Website ต้องรู้จัก เนื่องจากเครื่องมือชนิดนี้จะช่วยให้เป้าหมายของการทำ Website ไม่ว่าจะเป็นการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก หรือการสร้างยอดขายประสบความสำเร็จได้เร็วมากขึ้น เพราะการทำ SEO จะทำให้คุณติดอันดับการค้นหาต้น ๆ ในเว็บค้นหาข้อมูลต่าง ๆ เช่น Google, Bing, Yahoo! Search ฯลฯ ซึ่งแต่ละประเทศก็จะมีเว็บ Search Engine ที่ได้รับความนิยมแตกต่างกันไป

หลักการง่ายที่สุดที่ทำให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับหน้าแรกของ Search Engine คือ การเลือกใช้คำ หรือ Keyword ที่มีคนค้นหาเยอะ ซึ่ง Keyword Search เป็นเครื่องมือช่วยเช็คความนิยมของ Keyword แต่ละคำที่คิดไว้ว่ามีคนค้นหาเยอะหรือไม่? เพื่อให้ได้ Keyword ที่ดีที่สุดในการนำมาทำ SEO

เว็บไซต์ Keyword Search ที่ได้รับความนิยมมีหลายเว็บไซต์ ดังนี้

keywordtool.io เว็บไซต์ Keyword Search ที่ช่วยแนะนำ Long-tail Keyword ที่น่าสนใจ พร้อมจำนวนการค้นหาและประเมินความยากง่ายของแต่ละคีย์เวิร์ด โดยสามารถระบุเว็บไซต์ Search Engine หรือแพลตฟอร์มที่ต้องการทราบ Keyword ได้ด้วย เช่น Google, Youtube, Amazon, Bing ฯลฯ เพื่อให้มีได้ Keyword ที่มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ตรงเป้าหมายมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ค้นหาคำว่า “เลี้ยงหมา” เว็บไซต์ keywordtool.io จะมีคำขึ้นมาให้เลือกมากมาย เช่น เลี้ยงหมาป่า, เลี้ยงหมาจิ้งจอก, เลี้ยงหมากับแมว เป็นต้น มีทั้งเวอร์ชั่นฟรี (จำกัดการค้นหาเพียงวันละ 1 ครั้ง) เวอร์ชั่นเสียเงินจะสามารถหาข้อมูลได้ไม่จำกัด

neilpatel.com เป็น Keyword Search ที่ได้รับความนิยมมาก เพราะไม่จำกัดจำนวนในการค้นหา แม้จะไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายและสามารถค้นหา Keyword ที่เหมาะสมได้หลายภาษาด้วยกัน ภายในเว็บไซต์บอกจำนวนครั้งของการค้นหา, ระดับความยากง่ายในการนำคีย์เวิร์ดไปใช้ทำ SEO, ตัวอย่างบทความที่นำคำที่เกี่ยวข้องไปใช้, เว็บไซต์ที่นำ Keyword ไปใช้แล้วติดหน้าแรกของการค้นหาและแนะนำคีย์เวิร์ดใกล้เคียงที่น่าสนใจให้ด้วย

Google Keyword Planner เป็นบริการคาดคะเนจำนวนการค้นหาของ Google โดยตรง แม้จะมีบริการให้เลือกทั้งฟรีและเสียเงิน ซึ่งหากคุณจริงจังกับการทำเว็บไซต์เพื่อสร้างรายได้การสมัคร Google Keyword Planner ถือว่าคุ้มค่าเพราะมีความแม่นยำมาก โดยส่วนใหญ่แล้วนักการตลาดมือโปรมักจะเลือกใช้ Google Keyword Planner เพราะสามารถค้นหาได้หลายภาษา และเพื่อใช้ในการซื้อพื้นที่โฆษณาเพื่อให้ติดอันดับหน้าแรกของ Google ด้วย

สำหรับผู้ที่ต้องการหา Keyword ที่มีคนค้นหาเยอะ แต่ยังไม่มีประสบการณ์ในการใช้เครื่องมือเหล่านี้ ก็สามารถนำคำที่โชว์ขึ้นมาในช่องการค้นหาของ Google ก่อนที่จะกด Enter มาใช้ได้เช่นกัน หรือหาก Enter เพื่อค้นหาเรียบร้อยแล้ว ให้เลื่อนมาที่ด้านล่างสุดของ Google ก็จะเห็นส่วนแนะนำคำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับคำที่คุณค้นหาไป ซึ่งส่วนนี้ก็สามารถนำมาใช้ได้เช่นกัน

เว็บไซต์ Keyword Search ที่ได้รับความนิยม

SEO ทั่วไป

Google Ads จำเป็นไหมสำหรับเว็บไซต์ SEO

การทำธุรกิจขายสินค้าออนไลน์ในปัจจุบันจำเป็นต้องทำเว็บไซต์แบบ SEO ตามกฎเกณฑ์ที่ Google กำหนด ซึ่งหลายคนอาจสงสัยว่าจำเป็นต้องทำการโฆษณาหรือใช้บริการ Google Ads ด้วยหรือไม่ จึงจะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น ในบทความนี้เราจึงได้รวบรวมความเห็นที่น่าสนใจของผู้เชี่ยวชาญมาฝากกัน ดังนี้

SEO หรือ search engine optimization เป็นหลักการที่เว็บไซต์ยุคใหม่ทั่วไปทำกัน เช่น การเลือก keyword ที่มีคุณภาพในการเขียนบทความ การทำลิงก์เชื่อมโยงสู่เว็บไซต์อื่น ๆ ฯลฯ ซึ่งระบบ algorithm ของ Google จะมีช่วงเวลาในการเก็บประมวลข้อมูลด้าน SEO จากแต่ละเว็บไซต์ไป เพื่อใช้เปรียบเทียบคุณภาพ ทำให้เว็บไซต์ที่มีคะแนน SEO สูง มีโอกาสถูกสืบค้นพบได้ผ่าน Google มากขึ้น จึงเพิ่มยอดขายให้สินค้าและสร้างชื่อเสียงได้เร็ว

อย่างไรก็ตาม การทำ SEO นั้นเป็นสิ่งที่ต้องใช้ระยะเวลาในการต่อเนื่องสม่ำเสมอ โดยเฉลี่ยใช้ระยะเวลา 3 เดือนหลังทำ จึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ดี ดังนั้น SEO จึงเป็นพื้นฐานที่เหมาะกับธุรกิจทุกประเภทที่ควรทำตลอดทั้งปี เพื่อให้อยู่ในตำแหน่งที่ดีของการสืบค้นเสมอ

ทำความรู้จักกับ Google Ads

Google Ads เป็นเทคนิคการตลาดที่อาศัยการโฆษณา ต้องมีการเสียเงินค่าใช้จ่ายให้แก่ search engine หรือ Google ซึ่งอาจจะมีชื่อเรียกอื่นว่า Search Engine Marketing หรือ SEM โดยผู้ที่จะทำ Google Ads จะต้องทำการเลือก keyword ที่จะใช้ประมูลพื้นที่โฆษณา ซึ่งหากเป็น keyword ที่คนนิยมมากจากมีการแสดงสถิติไว้ใน Google Search Console ที่คนทำเว็บไซต์สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ ก็ต้องยอมรับว่าจะประมูลด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นตามมา

หลังจากได้พื้นที่โฆษณา Google Ads มา เจ้าของเว็บไซต์ต้องตั้งงบประมาณรายจ่ายที่จะให้ระบบตัดจากวงเงิน เป็นแบบ Pay per click ซึ่งเป็นการคิดค่าใช้จ่ายรายครั้งของการคลิก เมื่อมีกาตัดเงินจนเต็มวงเงินเมื่อไหร่ ก็จะทำให้หยุดการโฆษณาไปโดยอัตโนมัติ

การทำ Google Ads จึงเป็นช่องทางในการช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าเห็นเว็บไซต์ธุรกิจมากขึ้น 100 เปอร์เซ็นต์ ร้านที่ต้องการโปรโมทแบรนด์หรือเพิ่มยอดขายในช่วงใด ควรทำ Google Ads เสริมเป็นระยะ ซึ่งส่วนใหญ่คนจะนิยมทำในช่วงเทศกาล เช่น ปีใหม่ คริสมาสต์ วาเลนไทน์ วันสงกรานต์ ฯลฯ ที่ผู้คนมักจับจ่ายใช้สอย หรือแม้แต่ช่วงปลายเดือนของทุก ๆ เดือนซึ่งเป็นวันเงินเดือนออกของคนส่วนใหญ่ ก็เห็นผลที่ดีจากการทำ Google Ads ด้วย

การทำ Google Ads ไม่จำเป็นจะต้องทำตลอด และธุรกิจที่ทำ SEO มานานก็อาจไม่ต้องทำ Google Ads ก็ได้ เพราะมียอดขายดีอยู่แล้ว แต่สำหรับธุรกิจน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวปี 2019 หรือกำลังจะเปิดตัวในปี 2020 ก็ขอแนะนำให้ศึกษาการทำ Google Ads คู่กับ SEO ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อวางแผนทางธุรกิจในระยะยาวได้ดีขึ้น ซึ่งต้องประกอบกับการติดตามภาวะเศรษฐกิจและเทรนด์ความสนใจของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายด้วย

ทำความรู้จักกับ Google Ads

แนวทาง SEO อื่นๆ

SERPs คืออะไร ทำไมอยากขายดีต้องอ่าน

SERPs เป็นหน้าจอการแสดงผลรวมของ Google ที่มีประโยชน์สำหรับทุกคน ทั้งฝ่ายที่กำลังค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการต่าง ๆ ในโลกออนไลน์ผ่าน Google และฝ่ายที่ทำอาชีพค้าขายออนไลน์ ที่เปิดเว็บไซต์เพื่อประชาสัมพันธ์และรับคำสั่งซื้อสินค้าต่าง ๆ ด้วย SERPs จึงนับเป็นช่องทางหลักของการค้าขายยุคปัจจุบัน ที่ทำให้ผู้ซื้อและผู้ขายได้รู้จักกันอย่างรวดเร็วและทำให้เกิดการซื้อขายได้ง่ายกว่าสมัยก่อน

มาทำความรู้จัก SERPs

SERPs ย่อมาจาก search engine result pages เป็นหน้าจอที่เกิดจากการค้นหาข้อมูลในช่อง search ของ Google จากผู้ใช้งานทั่วโลก ทั้งภาษาไทยและต่างประเทศ ซึ่งผลที่จะปรากฏออกมาจะเป็นเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่มีการทำบทความนำเสนอเกี่ยวกับสินค้านั้นไว้

ตัวอย่างเช่น ผู้ที่ใช้งาน Google ต้องการหาข้อมูลเกี่ยวกับเสื้อผ้าที่เหมาะกับฤดูใบไม้ผลิในเกาหลี และหากเป็นไปได้ก็ต้องการซื้อเสื้อผ้าจากเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้และมีแบบให้เลือกได้ด้วย ถ้าคุณเปิดร้านเสื้อผ้าแฟชั่นและมีหน้าร้านออนไลน์อยู่ ก็ต้องทำบทความแนว SEO ตามหลัก search engine optimization ของ Google ที่ใช้ keyword ว่า เสื้อผ้า เกาหลี ฤดูใบไม้ผลิ พร้อมกับมีสินค้าที่น่าสนใจให้ลูกค้าได้คลิกชม

การทำตามหลักการของระบบ SEO ที่กล่าวมา จะทำให้ระบบ algorithm ของ Google มาเก็บข้อมูลและนำไปประมวลผล เปรียบเทียบคุณภาพกับเว็บไซต์อื่น ๆ ที่ใช้คำสำคัญเดียวกันนี้

เว็บไซต์ที่ได้อันดับ SEO ดีที่สุด ก็จะถูกนำเสนอขึ้นอยู่บนหน้าจอของ SERPs ในลำดับที่ 1-10 อยู่ระยะหนึ่ง ขึ้นกับคุณภาพ ความนิยม และความตรงประเด็นของแต่ละเว็บไซต์ ซึ่งก็เท่ากับว่า การทำ SEO อย่างมีคุณภาพ โดยใช้คีย์เวิร์ดที่เหมาะสม จะเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าและบริการให้แก่เจ้าของธุรกิจได้อย่างแน่นอน

ทั้งนี้ สิ่งที่ปรากฏบนอยู่หน้าจอ SERPs ก็คือ ชื่อของเว็บไซต์ URL address ชื่อของบทความ ที่มีการใส่ keyword ตามที่ผู้ใช้งาน Google สืบค้น และรายละเอียดโดยย่อของเนื้อหา หรือส่วน meta description ที่คนทำ บทความ SEO จะต้องเรียนรู้อย่างละเอียด หากใช้ CMS เป็น WordPress ก็มีเครื่องมือช่วยเหลือที่สำคัญ อย่าง Yoast SEO ช่วยให้สามารถตั้งค่าได้ง่ายและรวดเร็ว

นอกจากนี้ ยังมีอีกเทคนิคที่ทำให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏอยู่บนหน้าจอ SERPs หน้าแรกได้ จนเพิ่มยอดขายได้อย่างมากคือการซื้อพื้นที่โฆษณา หรือที่เรียกว่าเทคนิค SEM ย่อมาจาก search engine marketing เป็นเทคนิคที่จะทำให้คุณประหยัดเวลาได้ แต่ต้องเสียเงินให้ Google ในการประมูลพื้นที่โฆษณา โดยต้องชนะการประมูลด้วย keyword นั้น ๆ ให้ได้ โดยจ่ายเป็นรายครั้งของการคลิกให้แก่ Google ด้วย ซึ่งมีข้อดีที่สามารถกำหนดเพดานของวงเงินได้ตามที่สะดวก รวมถึงช่วงเวลาที่ต้องการโฆษณา

การเข้าใจองค์ประกอบของ SERPs และเรียนรู้วิธีการทำ SEO และ SEM คู่กัน จะทำให้คุณสามารถเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าและบริการได้มากขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน

SERPs คืออะไร ทำไมอยากขายดีต้องอ่าน

SEO Keywords หมวดพนัน

แนวการพัฒนาเว็บไซต์ SEO ในปี 2020

การวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญว่าเว็บไซต์ SEO

เว็บไซต์ SEO หรือ search engine optimization เป็นระบบการคัดกรองคุณภาพเว็บไซต์ที่ช่วยให้ลูกค้าผู้ใช้งาน Google ได้พบกับเนื้อหาบทความ ตลอดจนการได้เลือกซื้อสินค้าและบริการที่น่าพึงพอใจ

ซึ่งในปี 2020 ที่จะมาถึง มีการวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญว่าเว็บไซต์ SEO ที่ดีจะต้องมีคุณสมบัติต่อไปนี้ จึงจะตรงกับความต้องการผู้บริโภคมากขึ้น

1. คีย์เวิร์ดเฉพาะและยาว

คีย์เวิร์ดที่ลูกค้านิยมใช้ในการสืบค้นในระยะต่อไป จะมีลักษณะเป็นคำเฉพาะและมีความยาวมากขึ้น หรือที่เรียกว่า Niche-Tail keyword เช่น “ครีมผิวขาวกระจ่างใส นำเข้า เกาหลี” “รองเท้ากีฬาวิ่งมาราธอน สตรี สีชมพู Nike” “เดรสสวย แนวแฟชั่น ฤดูร้อน นำเข้า USA” แทนที่จะเป็น keyword สั้น ๆ เช่น ครีมผิวขาว รองเท้าวิ่ง เดรสนำเข้า ฯลฯ ซึ่งการทำเนื้อหาก็ต้องทันสมัยและสัมพันธ์กับคีย์เวิร์ดจึงจะได้รับความสนใจจากผู้อ่านมากขึ้นด้วย

2. Podcast

Podcast เป็นการอัดคลิปเสียงที่มีคุณภาพสูง อาจเป็นคนจัดรายการแบบเดี่ยว หรือเลือกทำเป็นการตอบโต้ระหว่างคนทำรายการหลายคน เพื่อให้ผู้ฟังได้รับประโยชน์ทั้งด้านเนื้อหาสาระและความบันเทิง เช่น วิเคราะห์คุณภาพสินค้ากลุ่มไอทีหรือรถยนต์ที่ออกใหม่ แบบไม่ให้เครียด แต่มีข้อมูลที่ชัดเจนและวิเคราะห์ได้ตรงไปตรงมา โดยสามารถฟังในขณะที่ทำงานอื่นได้ เช่น ขับรถ ทำครัว วิ่งออกกำลังกาย ฯลฯ หากเว็บไซต์ใดทำสื่อลักษณะ podcast ประกอบด้วยก็จะได้รับความสนใจมากขึ้น

3. ใช้งานง่ายในโทรศัพท์มือถือ

โทรศัพท์มือถือเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับคนรุ่นใหม่ รวมถึงผู้สูงวัยมากขึ้น ซึ่งหลายประเทศกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้การเข้าถึงข้อมูลและการสั่งซื้อสินค้าต่าง ๆ ไม่ได้ทำจากคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะอีกต่อไป คนที่ต้องการให้ แบรนด์ขยายไปสู่ลูกค้าที่กว้างขวางขึ้นจึงต้องมีการปรับคุณภาพเว็บไซต์ให้ใช้งานได้ดีในโทรศัพท์มือถือมากขึ้น และควรมี chatbot ที่ช่วยให้การตอบโต้กับลูกค้ารวดเร็วขึ้นให้ผู้ใช้งานประทับใจด้วย

4. เนื้อหาที่โดดเด่น

เนื้อหาหรือที่เรียกว่า Content SEO เป็นเหมือนหัวใจของเว็บไซต์ หากไม่สามารถผลิตให้มีความแตกต่างในมุมมองการเสนอและวิเคราะห์ ทั้งในเชิงลึกและเชิงกว้าง ก็จะไม่สามารถทำให้แบรนด์เป็นที่จดจำและขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นได้ ซึ่งการทำ Content ไม่ได้หมายความเป็นตัวอักษรเท่านั้น ยังหมายถึงเรื่องของการทำคลิปวีดีโอ การทำแอนิเมชั่น หรือการถ่ายภาพประกอบที่ต้องมีเอกลักษณ์ด้วย

จะเห็นได้ว่า ในปี 2020 แนวการทำเว็บไซต์ SEO เป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับคนทำเว็บไซต์มากขึ้น ซึ่งแสดงถึงการแข่งขันในธุรกิจออนไลน์ที่สูงขึ้น ต้องมีมาตรฐานในการผลิตผลงานที่ดีและน่าสนใจยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เราหวังว่าบทความนี้จะทำให้ผู้ที่อยู่ในธุรกิจของโลกออนไลน์ปรับตัวและนำไปพัฒนาให้ธุรกิจบรรลุเป้าหมายอย่างยั่งยืนต่อไป

แนวการพัฒนาเว็บไซต์ SEO ในปี 2020

SEO ทั่วไป

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ keyword SEO

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ keyword SEO

การทำเว็บไซต์ให้ประสบความสำเร็จ มีผู้คนรู้จักและมียอดขายสินค้าที่มากขึ้น จำเป็นต้องรู้จักการเลือกใช้ keyword SEO ที่เหมาะสม ซึ่งกูรูการตลาดแนะนำว่าในเบื้องต้นสามารถหาได้จาก Google search ซึ่งจะมีคำขึ้นอัตโนมัติ ตรงกับการสืบค้นที่คนทั่วไปนิยม หรือดูที่ด้านล่างของหน้าจอจะมีคำว่า related to หมายถึงคำอื่นๆ ที่มีการสืบค้นเพิ่มเติมอีก ซึ่งก็มีนัยสำคัญทางสถิติที่สามารถนำมาใช้เพื่อการเขียนบทความ ทำหัวข้อ ออกแบบ meta-description ที่มีทำให้อันดับ SEO เพิ่มได้

นอกจากที่กล่าวมา การคิด keyword SEO ที่แหวกแนวจากแบบเดิม ๆ เพิ่มความดึงดูดใจผู้อ่าน ก็มีเทคนิคที่น่าสนใจดังต่อไปนี้

1. คำที่หมายถึง ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร

keyword ที่ตอบโจทย์ทั้งสี่คำถามนี้ นับว่าเป็นพื้นฐานสำหรับการเขียนบทความที่น่าสนใจ หากคุณต้องการสร้างบทความ SEO ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่คุณจำหน่าย เช่น เสื้อผ้าเกาหลี หากคุณยังไม่รู้ว่าจะใช้คำว่าอย่างไร ให้นึกถึงคำว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร เพื่อสร้างบทความที่จูงใจได้ สำหรับสินค้ากลุ่มเสื้อผ้าเกาหลีอาจจะทำบทความที่ว่า “แฟชั่นเสื้อผ้าเกาหลี..คนรุ่นใหม่อยากไปเที่ยวช่วงฤดูหนาว แต่งตัวอย่างไรดี 2019” เพียงเท่านี้ ก็จะได้แนวทางการเขียนบทความ และทำให้คุณจับประเด็นในการหาภาพประกอบที่เหมาะสม เพื่อจูงใจผู้อ่านให้มาสนใจบทความมากขึ้นได้

2. มองหาปัญหาของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย

หากคุณทำผลิตภัณฑ์เพื่อการบำรุงผิวหรือแก้ปัญหาสุขภาพเส้นผมแห้งเสีย ต้องมองว่าลูกค้าที่ต้องการใช้ผลิตภัณฑ์เป็นผู้ที่ประสบปัญหาใดบ้าง เช่น ปัญหาผิวพรรณ ได้แก่ ผิวหมองคล้ำ เป็นสิว ฝ้า ผิวแห้ง ผิวมัน หน้าเยิ้มมันง่ายเมื่อแต่งหน้า หรือปัญหาผมเสียจากปัญหาการเปลี่ยนสีผมบ่อย หนังศีรษะเป็นรังแค เส้นผมแห้งแตกปลายแต่หนังศีรษะมัน เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ คือวัตถุประสงค์ที่ลูกค้าจะหาบทความอ่านเพื่อที่จะเสริมความรู้ และมองหาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ปัญหาเหล่านี้ด้วย หากมีการแนะนำสินค้าต่อเนื่องจากการให้ความรู้ จะทำให้ยอดขายดีขึ้นได้มากทีเดียว

3. ใส่ใจทุกแพลตฟอร์ม

หลายคนมีทั้งเว็บไซต์ที่สืบค้นได้ผ่าน Google และเพจใน Facebook เพื่อการเข้าถึงลูกค้า โดยเฉพาะคนไทยที่นิยมใช้ Facebook เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ต้องอย่าลืมใส่ keyword SEO ลงไปในทั้ง 2 แหล่ง และสร้างลิงก์เชื่อมโยงกันซึ่งนับว่าเป็น off- Page SEO ที่เพิ่มอันดับในการสืบค้นของธุรกิจของคุณบนโลกออนไลน์ได้ง่ายยิ่งขึ้นด้วย

เราหวังว่าบทความนี้ จะช่วยให้เห็นประโยชน์ของการเลือก keyword SEO ที่ดี ซึ่งการันตีได้ว่าหากทำอย่างต่อเนื่องและผลิตเนื้อหาบทความให้มีความทันสมัยอยู่เสมอแล้ว ก็จะทำให้สินค้าของคุณมียอดขายที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน

การคิด keyword SEO ที่แหวกแนวจากแบบเดิม

SEO ทั่วไป, แนวทาง SEO อื่นๆ

การทำ SEO ให้เพจใน Facebook สำคัญอย่างไร

Facebook App On The Apple Iphone Display And Desktop Version Of

ผู้ที่เปิดเพจใน Facebook เพื่อขายสินค้าล้วนต้องการมียอดขายสูงขึ้นควบคู่กับเพิ่มแฟนเพจมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะแสดงถึงความมั่นคงทางธุรกิจและมีอำนาจในการแข่งขันกับแบรนด์อื่นๆ

การทำ SEO หรือ search engine optimization ให้ค้นหาชื่อ Facebook ให้ถูกเจอได้ง่ายขึ้นทั้งใน Facebook และบน Google ใน SERP หรือ search engine results page จะเป็นผลดีให้บรรลุความต้องการที่กล่าวมา ซึ่งผู้มีเพจใน Facebook ควรใส่ใจในด้านต่าง ๆ ดังนี้

1. การตั้งชื่อเพจใน Facebook

ควรจะใช้ keyword ที่เป็นคำสำคัญในการสืบค้นหลัก เช่นเดียวกับที่ใช้ใน Google เพื่อการสืบค้นเจอง่ายที่สุด โดยควรใส่ชื่อแบรนด์สินค้าหรือร้านค้าของคุณลงไปด้วย เพื่อสร้างความจดจำในระยะยาว เช่น เสื้อผ้ามือสอง+น้องเมย์ รองเท้ากีฬา+Nike+เชียงใหม่

ซึ่งมีการวิเคราะห์พบว่า ร้านค้าที่ใช้คำสำคัญที่ยาวและจำเพาะมากขึ้นหรือที่เรียกว่า long tail niche keyword จะทำให้มีสัดส่วนของการขายสินค้าได้มากกว่าการใช้คีย์เวิร์ดแบบสั้น

2. การใส่ข้อมูลต่างๆ ในช่องที่ Facebook ให้กรอก

ควรใส่ข้อมูลให้ครบถ้วนในช่อง About ที่ให้ใส่ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้าและสินค้าที่จำหน่าย เหมาะกับกลุ่มลูกค้าประเภทใด ตำแหน่งที่ตั้ง เช่น ชื่อถนน จังหวัด เวลาเปิดปิดทำการ ฯลฯ

ข้อมูลในช่อง About เทียบได้กับส่วน Meta Description ของการทำบทความในเว็บไซต์ออนไลน์ ที่ต้องมีการใส่ keyword SEO ลงไปด้วย จะทำให้ผู้อ่านได้เข้าใจ ถึงวัตถุประสงค์ในการเปิด Facebook ของคุณที่ชัดเจน และทำให้มีอันดับ SEO ในการสืบค้นที่ดีขึ้นตามมา

3. การอัปเดตข้อมูลใน Facebook อย่างเหมาะสม

ควรศึกษาช่วงเวลาที่มีคนใช้ Facebook มากที่สุดในแต่ละวัน โดยหาจากข้อมูลสถิติที่นักการตลาดมืออาชีพทำการวิเคราะห์ ว่ากลุ่มเป้าหมายของสินค้าคุณสืบค้นข้อมูลช่วงเวลาใดบ่อยที่สุด ก็ควรเน้นการโพสต์ประชาสัมพันธ์สินค้า ทั้งรูปภาพและบทความที่มีความยาวเหมาะสม 100-200 คำในช่วงเวลานั้น

การเลือกช่วงเวลาที่ดีและใส่ใจคุณภาพของสิ่งที่โพสต์เป็นประจำ ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของเพจ และช่วยเพิ่มค่าสถิติ เช่น ค่า reach engagement ต่างๆ ที่จะทำให้อันดับ SEO สูงขึ้นตามไปด้วย

การทำ SEO ให้เพจใน Facebook สำคัญอย่างไร

จะเห็นได้ว่า การทำ SEO ให้แก่เพจใน Facebook เป็นสิ่งที่ต้องศึกษา หากต้องการเพิ่มความเชื่อมั่นในร้านค้า เพิ่มจำนวนลูกค้าประจำและทำให้มียอดขายที่ดีตามมาอย่างต่อเนื่อง

หากคุณยังเป็นมือใหม่ในการเปิดเพจร้านค้าออนไลน์ สามารถหา Keyword SEO ที่จะใช้ได้ ผ่านทางการพิมพ์ในช่อง Google search ซึ่งจะปรากฏผลแบบอัตโนมัติให้คุณเลือกได้ หรือดูที่ด้านล่างของคำว่า Search related to ซึ่งจะมีตัวอย่างคำอัตโนมัติขึ้นมา นั่นคือ ผลลัพธ์จากการสืบค้นจริง ๆ ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณ

เราหวังว่า บทความนี้จะทำให้ท่านที่เปิดเพจขายสินค้าใน Facebook เห็นช่องทางในการประชาสัมพันธ์ที่ดียิ่งขึ้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการทำธุรกิจออนไลน์ต่อไป

SEO ทั่วไป

จะทำเว็บไซต์ SEO ควรรู้จัก Plugin อะไรบ้าง

การทำเว็บไซต์ SEO ตามระบบคัดกรองมาตรฐานเว็บไซต์ที่ Google กำหนด เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ทำเว็บไซต์ออนไลน์ต้องเรียนรู้ เพราะผลลัพธ์จากการวิเคราะห์ด้วยระบบ algorithm ของ Google มีผลอย่างมากต่ออันดับการสืบค้น และการปรากฏในหน้าจอสืบค้นของ Google search ซึ่งจะช่วยให้เสริมประสิทธิภาพในการแข่งขันด้านธุรกิจกับเว็บไซต์อื่น ๆ

plugin เสริมการทำ SEO ที่ผู้ทำเว็บไซต์รุ่นใหม่ควรรู้จักมีอยู่หลายชนิด ที่นักการตลาดออนไลน์แนะนำ เพื่อนำไปใช้พัฒนาเว็บไซต์และการทำ SEO ได้อย่างดียิ่งขึ้น ดังนี้

1. Thai Address Autocomplete for WooCommerce

เหมาะกับเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ทุกประเภท เพราะหลังจากที่ลูกค้าพิมพ์ข้อมูลที่อยู่ลงทะเบียนตัวตนหรือที่อยู่จัดส่ง ระบบ plugin จะแสดงคำขึ้นอัตโนมัติ เช่น แขวง เขต จังหวัด รหัสไปรษณีย์ จึงช่วยให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในเว็บไซต์กรอกข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว จึงเสริมความประทับใจในการใช้งานมากยิ่งขึ้น

2. SMS for WooCommerce

เรียกว่าเป็น plugin ที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในการซื้อขายสินค้าออนไลน์อย่างมาก โดยระบบ plugin จะช่วยในการส่งข้อความเข้าโทรศัพท์มือถือทุกครั้ง ที่มีการสั่งซื้อสินค้าและชำระเงินเรียบร้อย รวมถึงบอกสถานะในการจัดส่งสินค้า พร้อม tracking number หรือตัวเลขในการจัดส่งเพื่อให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบเส้นทางการส่งสินค้าได้ตลอดเวลา

3. Seed Social

นับว่าเป็น plugin ที่ช่วยในการส่งต่อข้อมูลประชาสัมพันธ์เว็บไซต์หรือลิงค์เชื่อมโยงไปยังสื่อโซเชียลที่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายใช้งาน เช่น Facebook Twitter และ LINE จึงเท่ากับประหยัดเวลาในการโพสต์ข้อมูลของเจ้าของเว็บไซต์ SEO และยังเพิ่ม Traffic หรือจำนวนการเข้าชมในเว็บไซต์ได้ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการเพิ่มอันดับ SEO ด้วย

4. W3 Total Cache

เป็นระบบสำรองข้อมูล Cash ให้กับเว็บไซต์ ช่วยลดภาระในการทำงานของ server ลง โดยรวมจะทำให้เว็บไซต์ทำงานได้ดี ประหยัดทรัพยากรในระบบคอมพิวเตอร์ และทำให้ดาวน์โหลดข้อมูลด้วยความเร็วสูงขึ้น

5. Yoast SEO

เป็น plugin สำคัญที่ไม่ควรพลาด เพราะสามารถช่วยในการวิเคราะห์บทความ SEO การเลือก keyword ที่เหมาะสม ตลอดจนช่วยในการตั้งหัวเรื่อง (Title) และส่วนสรุปย่อ (Meta Description) ที่มีความเหมาะสม โดยระบบจะแสดงผลการวิเคราะห์เป็นแถบสีแดงเขียว และมีตัวอักษรแสดงรายละเอียดให้ทราบว่าควรพัฒนาที่ตำแหน่งใดบ้างที่จะทำให้อันดับ SEO ดีขึ้นได้

6. iThemes Security

การป้องกันการโจรกรรมข้อมูลจาก bot หรือ malware เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่ง plugin ถูกออกแบบมาให้เว็บไซต์ SEO ของคุณปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ทั้งข้อมูลของสินค้า บริการ และข้อมูลของลูกค้าแต่ละราย ซึ่งหากถูกโจรกรรมไปจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการแข่งขันทางการตลาดอย่างมาก

จะเห็นได้ว่า plugin ที่แนะนำข้างต้น เป็นสิ่งที่ให้ประโยชน์แก่การทำเว็บไซต์ SEO ทั้งด้านความปลอดภัยของข้อมูล ความเชื่อมั่นของลูกค้า ตลอดจนการใช้ทรัพยากรของเครื่องที่เหมาะสมยิ่งขึ้น หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ในการทำให้นักพัฒนาเว็บไซต์ SEO ดาวน์โหลดเพื่อใช้งานและเรียนรู้ต่อยอดในเชิงลึกกันต่อไป

plugin เสริมการทำ SEO ที่ผู้ทำเว็บไซต์รุ่นใหม่