Browse Tag by Keyword
SEO Keywords หมวดพนัน

คู่มือเริ่มต้นการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับบนเครื่องมือการค้นหา

คู่มือเริ่มต้นการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับบนเครื่องมือการค้นหา

คู่มือเริ่มต้นการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับบนเครื่องมือการค้นหา (SEO) ที่ครอบคลุมหลักการพื้นฐานและแนวปฏิบัติเพื่อปรับปรุงการมองเห็นเว็บไซต์ของคุณในหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา (SERP)

การวิจัยคำหลัก

-เริ่มต้นด้วยการระบุคำหลักและวลีที่เกี่ยวข้องที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ หรือบริการของคุณ

-ใช้เครื่องมือวิจัยคำหลัก เช่น Google เครื่องมือวางแผนคำหลัก, SEMrush หรือ Ahrefs เพื่อค้นหาปริมาณการค้นหา การแข่งขัน และรูปแบบคำหลัก

SEO บนเพจ

-เพิ่มประสิทธิภาพเมตาแท็ก (แท็กชื่อ คำอธิบายเมตา) ด้วยคำหลักที่กำหนดเป้าหมายเพื่ออธิบายเนื้อหาของหน้าอย่างถูกต้องและดึงดูดการคลิก

-ตรวจสอบให้แน่ใจว่า URL ของคุณสื่อความหมาย กระชับ และมีคำหลักที่เกี่ยวข้อง

-สร้างเนื้อหาคุณภาพสูงและเกี่ยวข้องซึ่งตอบสนองความตั้งใจของผู้ใช้และรวมเอาคำหลักที่ตรงเป้าหมายไว้อย่างเป็นธรรมชาติ

-ใช้แท็กส่วนหัว (H1, H2, H3) เพื่อจัดโครงสร้างเนื้อหาและปรับปรุงให้อ่านง่าย

-ปรับแอตทริบิวต์ Alt ของรูปภาพให้เหมาะสมด้วยข้อความอธิบายเพื่อปรับปรุงการเข้าถึงและความเกี่ยวข้องของคำสำคัญ

เทคนิค SEO

-ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของคุณเหมาะกับมือถือและตอบสนองเพื่อประสบการณ์ผู้ใช้ที่เหมาะสมที่สุดในอุปกรณ์ต่างๆ

-ปรับปรุงความเร็วในการโหลดเว็บไซต์โดยการปรับรูปภาพให้เหมาะสม ใช้ประโยชน์จากแคชของเบราว์เซอร์ และลดโค้ดให้เหลือน้อยที่สุด

-ใช้การเข้ารหัส SSL (HTTPS) เพื่อรักษาความปลอดภัยเว็บไซต์ของคุณ เพิ่มความน่าเชื่อถือ และปรับปรุงอันดับการค้นหา

-สร้างโครงสร้างไซต์แบบลอจิคัลพร้อมการนำทางที่ชัดเจนและลิงก์ภายในเพื่อช่วยให้เครื่องมือค้นหารวบรวมข้อมูลและจัดทำดัชนีหน้าเว็บของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

-ใช้แผนผังเว็บไซต์ XML เพื่อช่วยให้เครื่องมือค้นหาค้นพบและจัดทำดัชนีหน้าเว็บไซต์ของคุณ

SEO นอกเพจ

-รับลิงก์ย้อนกลับคุณภาพสูงจากเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้และเกี่ยวข้องผ่านการตลาดเนื้อหา การประชาสัมพันธ์ดิจิทัล และการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์

-ติดตามและจัดการชื่อเสียงออนไลน์ของคุณโดยการตอบรีวิว มีส่วนร่วมกับลูกค้าบนโซเชียลมีเดีย และจัดการกับคำติชมเชิงลบทันที

-ใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเพื่อขยายเนื้อหาของคุณ มีส่วนร่วมกับผู้ชมของคุณ และเพิ่มการมองเห็นแบรนด์

SEO ท้องถิ่น (ถ้ามี)

-อ้างสิทธิ์และเพิ่มประสิทธิภาพรายชื่อ Google My Business ของคุณด้วยข้อมูลธุรกิจ รูปภาพ และบทวิจารณ์ที่ถูกต้อง

-ตรวจสอบความสอดคล้องของ NAP (ชื่อ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์) ในไดเรกทอรีและรายการออนไลน์

-ส่งเสริมบทวิจารณ์ของลูกค้าและตอบกลับเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและอันดับการค้นหาในท้องถิ่น

วัดและวิเคราะห์

-ใช้เครื่องมือเช่น Google Analytics และ Google Search Console เพื่อติดตามการเข้าชมเว็บไซต์ พฤติกรรมผู้ใช้ และประสิทธิภาพการค้นหา

-ตรวจสอบการจัดอันดับคำหลัก การเข้าชมที่เกิดขึ้นเอง และตัวชี้วัดคอนเวอร์ชั่นเพื่อประเมินประสิทธิภาพของการทำ SEO ของคุณ

-ปรับกลยุทธ์ของคุณตามข้อมูลเชิงลึกและแนวโน้มเพื่อปรับปรุงการมองเห็นเว็บไซต์ของคุณและประสิทธิภาพในผลการค้นหาอย่างต่อเนื่อง

SEO เป็นกระบวนการต่อเนื่อง และต้องมีการตรวจสอบ เพิ่มประสิทธิภาพ และปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงในอัลกอริทึมของเครื่องมือค้นหาและพฤติกรรมของผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง ด้วยการปฏิบัติตามหลักการพื้นฐานเหล่านี้และคอยอัปเดตแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรม คุณจะสามารถสร้างรากฐาน SEO ที่แข็งแกร่งสำหรับเว็บไซต์ของคุณและปรับปรุงการมองเห็นในผลการค้นหาเมื่อเวลาผ่านไป

SEO ทั่วไป, แนวทาง SEO อื่นๆ

ไม้เด็ด SEO กับการสนับสนุนการสร้างแบรนด์ของธุรกิจออนไลน์

ไม้เด็ด SEO กับการสนับสนุนการสร้างแบรนด์ของธุรกิจออนไลน์

การจะวัดความสำเร็จของการทำธุรกิจออนไลน์จะวัดกันที่ยอดขายอย่างเดียวไม่ได้ เพราะสิ่งหนึ่งที่สำคัญและอาจกล่าวได้ว่าเป็นสิ่งที่มีมูลค่าสูงที่สุดในการทำธุรกิจก็คือ “แบรนด์” เพราะเจ้าสิ่งนี้คือชื่อซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจซื้อและมีความหมายต่อลูกค้าในระยะยาว อย่างนั้นแล้วเจ้าของธุรกิจจึงควรที่จะมองหากลยุทธ์สำคัญนั่นก็คือการทำ SEO ที่เป็นไม้เด็ดที่จะมาช่วยสร้างแบรนด์ของธุรกิจออนไลน์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และกลายมาเป็นแบรนด์ยืนหนึ่งในใจลูกค้าไปตลอด

ดึงดูดกลุ่มลูกค้าได้ตรงเป้าหมายของธุรกิจ

ด้วยหลักการในการทำธุรกิจออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการผลิตสินค้าหรือบริการก็ตาม ธุรกิจจะต้องมีการกำหนดกลุ่มลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของผลิตภัณฑ์ ซึ่งการทำการตลาดออนไลน์จะต้องมุ่งเป้าในการสร้างแบรนด์ให้ลูกค้าที่ธุรกิจหมายตาไว้ได้มาสนใจในแบรนด์ ซึ่งลำพังการทำการตลาดแบบประชาสัมพันธ์ทั่วไปไม่อาจจะพาลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมาหาเราได้ทั้งหมด ธุรกิจจำเป็นจะต้องพึ่งการทำ SEO เพราะให้ลูกค้าสามารถที่จะหาเราเจอได้ง่ายขึ้น ผ่านการสร้างแบรนด์ด้วยคอนเทนต์ SEO และ Keyword

พาแบรนด์สร้าง Quality Traffic ที่ก่อให้เกิดรายได้

หลักการเอาชนะกันในการแข่งขันการทำการตลาดออนไลน์ไม่ได้มีแค่ยอดไลค์ ผู้ติดตาม หรือ Traffic ของลูกค้าที่เข้ามาเยือนเว็บไซต์ของธุรกิจจากการรู้จักแบรนด์ เพราะนั่นไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะการันตีได้ว่าแบรนด์จะสร้างให้เกิดรายได้ได้จริง ธุรกิจออนไลน์จำเป็นจะต้องใช้ SEO ในการสร้าง Quality Traffic ให้ลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมและเกิดการทำรายการซื้อสินค้าให้ได้ นั่นคืออัตราผลลัพธ์มุ่งหวังที่เกิดจากการทำ SEO ให้แบรนด์ หรืออาจกล่าวได้ว่าลูกค้าที่เข้ามาหาแบรนด์ผ่านเครื่องมือ SEO ด้วยการค้นหาด้วย Search Engine มีโอกาสที่จะซื้อสินค้ามากกว่าลูกค้าแบบอื่นนั่นเอง

แบรนด์ที่โตขึ้นจากยอดขาย

การเติบโตตามหลักการที่ถูกต้องของแบรนด์ต้องเกิดจากการโตด้วยยอดขาย ด้วยการทำ SEO จะช่วยให้ลูกค้าเข้ามายังหน้าเว็บไซต์ของธุรกิจและรู้จักแบรนด์ได้ง่ายและมีจำนวนที่มากขึ้นกว่าการทำการตลาดด้วยวิธีอื่น ผลที่ตามมาก็คือยอดขายของธุรกิจที่โตขึ้น ชื่อเสียงของแบรนด์ก็จะเป็นที่รู้จักได้จากยอดขายที่มากขึ้นในทุกวัน

ด้วยความสามารถและประโยชน์ที่เป็นข้อดีจากการเลือกใช้ SEO ให้เป็นเครื่องมือในการช่วยพาแบรนด์ของธุรกิจให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างจะช่วยให้ธุรกิจมีความได้เปรียบในการแข่งขันบนตลาดออนไลน์ ไม่ว่าสถานการณ์ไหน ๆ หากธุรกิจออนไลน์มีแบรนด์ที่แข็งแรงและมีชื่อเสียงก็ไม่มีปัญหาใด ๆ ที่เจ้าของธุรกิจจะต้องกังวลเลย

แนวทาง SEO อื่นๆ

เคล็ดลับ! ฟื้นธุรกิจเก่าให้กลับมาเฟื่องฟูเหมือนใหม่

การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ ส่งผลให้หลายธุรกิจที่ไม่ยอมเปลี่ยนเทคนิคในการโฆษณามียอดขายหรือจำนวนผู้ใช้บริการน้อยลง ในอดีตสื่ออย่างโทรทัศน์, วิทยุ, หนังสือพิมพ์และบอร์ดโฆษณาขนาดใหญ่สามารถสร้างชื่อเสียงให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก แต่ในปัจจุบันผู้คนให้ความสำคัญกับการใช้สื่อโซเชียลมีเดียมากกว่าสื่ออื่น ๆ

การนำความรู้ SEO หรือ Search Engine Optimization มาใช้กับแอปพลิเคชันและเว็บไซต์เป็นวิธีการใหม่ที่ช่วยสร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์สินค้าหรือบริการให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดย SEO จะทำหน้าที่เป็นเครื่องมือในการทำให้แอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ขึ้นมาอยู่ในหน้าแรกของ Search Engine อย่าง Google, Bing และ Yahoo เป็นต้น

หลักการทำงานของ SEO เริ่มที่การนำ Keyword ที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจและมีจำนวนคนค้นหาบ่อยมาใช้ในการทำ Content เช่น การเขียนบทความสาระความรู้, การเขียนคำโฆษณา, การทำวีดีโอหรือ Podcast เป็นต้น เคล็ดลับในการทำ SEO มีดังนี้

เคล็ดลับการทำ SEO

ตั้งชื่อบทความด้วย Keyword ชื่อบทความเป็นจุดแรกที่สามารถดึงดูดสายตาของผู้ที่สนใจ โดยการตั้งชื่ออาจเริ่มที่การใช้คำที่น่าสนใจ เช่น เคล็ดลับ, วิธี, How to, สูตรลับ หรือรีวิว เป็นต้น เพราะคำเหล่านี้จะช่วยให้ลูกค้าที่อยากทราบข้อมูลคลิกอ่านข้อมูลในบทความได้ นอกจากนี้การตั้งชื่อบทความด้วยคำถาม จะทำให้สามารถติดอันดับบน Search Engine ได้มากกว่าโดยเฉพาะใน Google เนื่องจาก Google ปรับเทคนิคเกี่ยวกับการทำ SEO ใหม่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น

เขียนอธิบายบทความอย่างสั้นด้วย Keyword การเขียนคำอธิบายเกี่ยวกับรายละเอียดภายในบทความสั้น ๆ พร้อมแทรกคีย์เวิร์ดเอาไว้ในประโยค จะช่วยให้ผู้ที่สนใจทราบถึงรายละเอียดของเนื้อหาเบื้องต้น

ตั้งชื่อไฟล์ภาพและรูปภาพด้วย Keyword การทำ SEO ให้กับรูปภาพเป็นสิ่งที่ช่วยให้เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันติดอันดับในส่วนของรูปภาพบน Search Engine ทั้งนี้การจะทำให้รูปภาพติดอันดับบนหน้าแรกได้ ควรเลือกใช้ภาพที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาภายในบทความ ด้วยการทำ SEO รูปภาพสามารถทำได้ง่ายกว่า การนำรูปภาพที่ฟรีที่อนุญาตให้ใช้ทางการค้าได้จากเว็บฟรีลิขสิทธิ์ต่าง ๆ จะช่วยให้เว็บไซต์ไม่ถูกร้องเรียนจากเจ้าของภาพ

เขียนบทความที่มีจำนวนคำมากกว่า 300 คำขึ้นไป โดยภายในบทความควรแทรก Keyword หลักและ Keyword ที่เกี่ยวข้องปริมาณ 1% ของคำทั้งหมด เช่น หากเขียนบทความ 300 คำ ควรมี Keyword หลักและ Keyword ที่เกี่ยวข้องประมาณ 3 คำ เป็นต้น

การนำหลัก SEO พื้นฐานมาใช้ ไม่เพียงแต่จะทำให้ธุรกิจเก่ากลับมาเฟื่องฟูเหมือนใหม่เท่านั้น แต่ยังสามารถดึงดูดกลุ่มเป้าหมายหลักให้เข้ามาได้มากกว่า และใช้เงินน้อยกว่าการโฆษณาแบบอื่น ๆ มาก ดังนั้นการทำ SEO จึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำสื่อโฆษณาในยุคปัจจุบัน

เคล็ดลับการทำ SEO

SEO ทั่วไป

แนะนำ Keyword Search เครื่องมือสำคัญสำหรับทำ SEO

แนะนำ Keyword Search เครื่องมือสำคัญสำหรับทำ SEO

SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นเครื่องมือที่นักขาย นักการตลาด นักเขียนบล็อกหรือ Website ต้องรู้จัก เนื่องจากเครื่องมือชนิดนี้จะช่วยให้เป้าหมายของการทำ Website ไม่ว่าจะเป็นการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก หรือการสร้างยอดขายประสบความสำเร็จได้เร็วมากขึ้น เพราะการทำ SEO จะทำให้คุณติดอันดับการค้นหาต้น ๆ ในเว็บค้นหาข้อมูลต่าง ๆ เช่น Google, Bing, Yahoo! Search ฯลฯ ซึ่งแต่ละประเทศก็จะมีเว็บ Search Engine ที่ได้รับความนิยมแตกต่างกันไป

หลักการง่ายที่สุดที่ทำให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับหน้าแรกของ Search Engine คือ การเลือกใช้คำ หรือ Keyword ที่มีคนค้นหาเยอะ ซึ่ง Keyword Search เป็นเครื่องมือช่วยเช็คความนิยมของ Keyword แต่ละคำที่คิดไว้ว่ามีคนค้นหาเยอะหรือไม่? เพื่อให้ได้ Keyword ที่ดีที่สุดในการนำมาทำ SEO

เว็บไซต์ Keyword Search ที่ได้รับความนิยมมีหลายเว็บไซต์ ดังนี้

keywordtool.io เว็บไซต์ Keyword Search ที่ช่วยแนะนำ Long-tail Keyword ที่น่าสนใจ พร้อมจำนวนการค้นหาและประเมินความยากง่ายของแต่ละคีย์เวิร์ด โดยสามารถระบุเว็บไซต์ Search Engine หรือแพลตฟอร์มที่ต้องการทราบ Keyword ได้ด้วย เช่น Google, Youtube, Amazon, Bing ฯลฯ เพื่อให้มีได้ Keyword ที่มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ตรงเป้าหมายมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ค้นหาคำว่า “เลี้ยงหมา” เว็บไซต์ keywordtool.io จะมีคำขึ้นมาให้เลือกมากมาย เช่น เลี้ยงหมาป่า, เลี้ยงหมาจิ้งจอก, เลี้ยงหมากับแมว เป็นต้น มีทั้งเวอร์ชั่นฟรี (จำกัดการค้นหาเพียงวันละ 1 ครั้ง) เวอร์ชั่นเสียเงินจะสามารถหาข้อมูลได้ไม่จำกัด

neilpatel.com เป็น Keyword Search ที่ได้รับความนิยมมาก เพราะไม่จำกัดจำนวนในการค้นหา แม้จะไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายและสามารถค้นหา Keyword ที่เหมาะสมได้หลายภาษาด้วยกัน ภายในเว็บไซต์บอกจำนวนครั้งของการค้นหา, ระดับความยากง่ายในการนำคีย์เวิร์ดไปใช้ทำ SEO, ตัวอย่างบทความที่นำคำที่เกี่ยวข้องไปใช้, เว็บไซต์ที่นำ Keyword ไปใช้แล้วติดหน้าแรกของการค้นหาและแนะนำคีย์เวิร์ดใกล้เคียงที่น่าสนใจให้ด้วย

Google Keyword Planner เป็นบริการคาดคะเนจำนวนการค้นหาของ Google โดยตรง แม้จะมีบริการให้เลือกทั้งฟรีและเสียเงิน ซึ่งหากคุณจริงจังกับการทำเว็บไซต์เพื่อสร้างรายได้การสมัคร Google Keyword Planner ถือว่าคุ้มค่าเพราะมีความแม่นยำมาก โดยส่วนใหญ่แล้วนักการตลาดมือโปรมักจะเลือกใช้ Google Keyword Planner เพราะสามารถค้นหาได้หลายภาษา และเพื่อใช้ในการซื้อพื้นที่โฆษณาเพื่อให้ติดอันดับหน้าแรกของ Google ด้วย

สำหรับผู้ที่ต้องการหา Keyword ที่มีคนค้นหาเยอะ แต่ยังไม่มีประสบการณ์ในการใช้เครื่องมือเหล่านี้ ก็สามารถนำคำที่โชว์ขึ้นมาในช่องการค้นหาของ Google ก่อนที่จะกด Enter มาใช้ได้เช่นกัน หรือหาก Enter เพื่อค้นหาเรียบร้อยแล้ว ให้เลื่อนมาที่ด้านล่างสุดของ Google ก็จะเห็นส่วนแนะนำคำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับคำที่คุณค้นหาไป ซึ่งส่วนนี้ก็สามารถนำมาใช้ได้เช่นกัน

เว็บไซต์ Keyword Search ที่ได้รับความนิยม

SEO ทั่วไป

Google Ads จำเป็นไหมสำหรับเว็บไซต์ SEO

การทำธุรกิจขายสินค้าออนไลน์ในปัจจุบันจำเป็นต้องทำเว็บไซต์แบบ SEO ตามกฎเกณฑ์ที่ Google กำหนด ซึ่งหลายคนอาจสงสัยว่าจำเป็นต้องทำการโฆษณาหรือใช้บริการ Google Ads ด้วยหรือไม่ จึงจะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น ในบทความนี้เราจึงได้รวบรวมความเห็นที่น่าสนใจของผู้เชี่ยวชาญมาฝากกัน ดังนี้

SEO หรือ search engine optimization เป็นหลักการที่เว็บไซต์ยุคใหม่ทั่วไปทำกัน เช่น การเลือก keyword ที่มีคุณภาพในการเขียนบทความ การทำลิงก์เชื่อมโยงสู่เว็บไซต์อื่น ๆ ฯลฯ ซึ่งระบบ algorithm ของ Google จะมีช่วงเวลาในการเก็บประมวลข้อมูลด้าน SEO จากแต่ละเว็บไซต์ไป เพื่อใช้เปรียบเทียบคุณภาพ ทำให้เว็บไซต์ที่มีคะแนน SEO สูง มีโอกาสถูกสืบค้นพบได้ผ่าน Google มากขึ้น จึงเพิ่มยอดขายให้สินค้าและสร้างชื่อเสียงได้เร็ว

อย่างไรก็ตาม การทำ SEO นั้นเป็นสิ่งที่ต้องใช้ระยะเวลาในการต่อเนื่องสม่ำเสมอ โดยเฉลี่ยใช้ระยะเวลา 3 เดือนหลังทำ จึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ดี ดังนั้น SEO จึงเป็นพื้นฐานที่เหมาะกับธุรกิจทุกประเภทที่ควรทำตลอดทั้งปี เพื่อให้อยู่ในตำแหน่งที่ดีของการสืบค้นเสมอ

ทำความรู้จักกับ Google Ads

Google Ads เป็นเทคนิคการตลาดที่อาศัยการโฆษณา ต้องมีการเสียเงินค่าใช้จ่ายให้แก่ search engine หรือ Google ซึ่งอาจจะมีชื่อเรียกอื่นว่า Search Engine Marketing หรือ SEM โดยผู้ที่จะทำ Google Ads จะต้องทำการเลือก keyword ที่จะใช้ประมูลพื้นที่โฆษณา ซึ่งหากเป็น keyword ที่คนนิยมมากจากมีการแสดงสถิติไว้ใน Google Search Console ที่คนทำเว็บไซต์สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ ก็ต้องยอมรับว่าจะประมูลด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นตามมา

หลังจากได้พื้นที่โฆษณา Google Ads มา เจ้าของเว็บไซต์ต้องตั้งงบประมาณรายจ่ายที่จะให้ระบบตัดจากวงเงิน เป็นแบบ Pay per click ซึ่งเป็นการคิดค่าใช้จ่ายรายครั้งของการคลิก เมื่อมีกาตัดเงินจนเต็มวงเงินเมื่อไหร่ ก็จะทำให้หยุดการโฆษณาไปโดยอัตโนมัติ

การทำ Google Ads จึงเป็นช่องทางในการช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าเห็นเว็บไซต์ธุรกิจมากขึ้น 100 เปอร์เซ็นต์ ร้านที่ต้องการโปรโมทแบรนด์หรือเพิ่มยอดขายในช่วงใด ควรทำ Google Ads เสริมเป็นระยะ ซึ่งส่วนใหญ่คนจะนิยมทำในช่วงเทศกาล เช่น ปีใหม่ คริสมาสต์ วาเลนไทน์ วันสงกรานต์ ฯลฯ ที่ผู้คนมักจับจ่ายใช้สอย หรือแม้แต่ช่วงปลายเดือนของทุก ๆ เดือนซึ่งเป็นวันเงินเดือนออกของคนส่วนใหญ่ ก็เห็นผลที่ดีจากการทำ Google Ads ด้วย

การทำ Google Ads ไม่จำเป็นจะต้องทำตลอด และธุรกิจที่ทำ SEO มานานก็อาจไม่ต้องทำ Google Ads ก็ได้ เพราะมียอดขายดีอยู่แล้ว แต่สำหรับธุรกิจน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวปี 2019 หรือกำลังจะเปิดตัวในปี 2020 ก็ขอแนะนำให้ศึกษาการทำ Google Ads คู่กับ SEO ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อวางแผนทางธุรกิจในระยะยาวได้ดีขึ้น ซึ่งต้องประกอบกับการติดตามภาวะเศรษฐกิจและเทรนด์ความสนใจของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายด้วย

ทำความรู้จักกับ Google Ads

แนวทาง SEO อื่นๆ

SERPs คืออะไร ทำไมอยากขายดีต้องอ่าน

SERPs เป็นหน้าจอการแสดงผลรวมของ Google ที่มีประโยชน์สำหรับทุกคน ทั้งฝ่ายที่กำลังค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการต่าง ๆ ในโลกออนไลน์ผ่าน Google และฝ่ายที่ทำอาชีพค้าขายออนไลน์ ที่เปิดเว็บไซต์เพื่อประชาสัมพันธ์และรับคำสั่งซื้อสินค้าต่าง ๆ ด้วย SERPs จึงนับเป็นช่องทางหลักของการค้าขายยุคปัจจุบัน ที่ทำให้ผู้ซื้อและผู้ขายได้รู้จักกันอย่างรวดเร็วและทำให้เกิดการซื้อขายได้ง่ายกว่าสมัยก่อน

มาทำความรู้จัก SERPs

SERPs ย่อมาจาก search engine result pages เป็นหน้าจอที่เกิดจากการค้นหาข้อมูลในช่อง search ของ Google จากผู้ใช้งานทั่วโลก ทั้งภาษาไทยและต่างประเทศ ซึ่งผลที่จะปรากฏออกมาจะเป็นเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่มีการทำบทความนำเสนอเกี่ยวกับสินค้านั้นไว้

ตัวอย่างเช่น ผู้ที่ใช้งาน Google ต้องการหาข้อมูลเกี่ยวกับเสื้อผ้าที่เหมาะกับฤดูใบไม้ผลิในเกาหลี และหากเป็นไปได้ก็ต้องการซื้อเสื้อผ้าจากเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้และมีแบบให้เลือกได้ด้วย ถ้าคุณเปิดร้านเสื้อผ้าแฟชั่นและมีหน้าร้านออนไลน์อยู่ ก็ต้องทำบทความแนว SEO ตามหลัก search engine optimization ของ Google ที่ใช้ keyword ว่า เสื้อผ้า เกาหลี ฤดูใบไม้ผลิ พร้อมกับมีสินค้าที่น่าสนใจให้ลูกค้าได้คลิกชม

การทำตามหลักการของระบบ SEO ที่กล่าวมา จะทำให้ระบบ algorithm ของ Google มาเก็บข้อมูลและนำไปประมวลผล เปรียบเทียบคุณภาพกับเว็บไซต์อื่น ๆ ที่ใช้คำสำคัญเดียวกันนี้

เว็บไซต์ที่ได้อันดับ SEO ดีที่สุด ก็จะถูกนำเสนอขึ้นอยู่บนหน้าจอของ SERPs ในลำดับที่ 1-10 อยู่ระยะหนึ่ง ขึ้นกับคุณภาพ ความนิยม และความตรงประเด็นของแต่ละเว็บไซต์ ซึ่งก็เท่ากับว่า การทำ SEO อย่างมีคุณภาพ โดยใช้คีย์เวิร์ดที่เหมาะสม จะเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าและบริการให้แก่เจ้าของธุรกิจได้อย่างแน่นอน

ทั้งนี้ สิ่งที่ปรากฏบนอยู่หน้าจอ SERPs ก็คือ ชื่อของเว็บไซต์ URL address ชื่อของบทความ ที่มีการใส่ keyword ตามที่ผู้ใช้งาน Google สืบค้น และรายละเอียดโดยย่อของเนื้อหา หรือส่วน meta description ที่คนทำ บทความ SEO จะต้องเรียนรู้อย่างละเอียด หากใช้ CMS เป็น WordPress ก็มีเครื่องมือช่วยเหลือที่สำคัญ อย่าง Yoast SEO ช่วยให้สามารถตั้งค่าได้ง่ายและรวดเร็ว

นอกจากนี้ ยังมีอีกเทคนิคที่ทำให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏอยู่บนหน้าจอ SERPs หน้าแรกได้ จนเพิ่มยอดขายได้อย่างมากคือการซื้อพื้นที่โฆษณา หรือที่เรียกว่าเทคนิค SEM ย่อมาจาก search engine marketing เป็นเทคนิคที่จะทำให้คุณประหยัดเวลาได้ แต่ต้องเสียเงินให้ Google ในการประมูลพื้นที่โฆษณา โดยต้องชนะการประมูลด้วย keyword นั้น ๆ ให้ได้ โดยจ่ายเป็นรายครั้งของการคลิกให้แก่ Google ด้วย ซึ่งมีข้อดีที่สามารถกำหนดเพดานของวงเงินได้ตามที่สะดวก รวมถึงช่วงเวลาที่ต้องการโฆษณา

การเข้าใจองค์ประกอบของ SERPs และเรียนรู้วิธีการทำ SEO และ SEM คู่กัน จะทำให้คุณสามารถเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าและบริการได้มากขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน

SERPs คืออะไร ทำไมอยากขายดีต้องอ่าน

SEO Keywords หมวดพนัน

แนวการพัฒนาเว็บไซต์ SEO ในปี 2020

การวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญว่าเว็บไซต์ SEO

เว็บไซต์ SEO หรือ search engine optimization เป็นระบบการคัดกรองคุณภาพเว็บไซต์ที่ช่วยให้ลูกค้าผู้ใช้งาน Google ได้พบกับเนื้อหาบทความ ตลอดจนการได้เลือกซื้อสินค้าและบริการที่น่าพึงพอใจ

ซึ่งในปี 2020 ที่จะมาถึง มีการวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญว่าเว็บไซต์ SEO ที่ดีจะต้องมีคุณสมบัติต่อไปนี้ จึงจะตรงกับความต้องการผู้บริโภคมากขึ้น

1. คีย์เวิร์ดเฉพาะและยาว

คีย์เวิร์ดที่ลูกค้านิยมใช้ในการสืบค้นในระยะต่อไป จะมีลักษณะเป็นคำเฉพาะและมีความยาวมากขึ้น หรือที่เรียกว่า Niche-Tail keyword เช่น “ครีมผิวขาวกระจ่างใส นำเข้า เกาหลี” “รองเท้ากีฬาวิ่งมาราธอน สตรี สีชมพู Nike” “เดรสสวย แนวแฟชั่น ฤดูร้อน นำเข้า USA” แทนที่จะเป็น keyword สั้น ๆ เช่น ครีมผิวขาว รองเท้าวิ่ง เดรสนำเข้า ฯลฯ ซึ่งการทำเนื้อหาก็ต้องทันสมัยและสัมพันธ์กับคีย์เวิร์ดจึงจะได้รับความสนใจจากผู้อ่านมากขึ้นด้วย

2. Podcast

Podcast เป็นการอัดคลิปเสียงที่มีคุณภาพสูง อาจเป็นคนจัดรายการแบบเดี่ยว หรือเลือกทำเป็นการตอบโต้ระหว่างคนทำรายการหลายคน เพื่อให้ผู้ฟังได้รับประโยชน์ทั้งด้านเนื้อหาสาระและความบันเทิง เช่น วิเคราะห์คุณภาพสินค้ากลุ่มไอทีหรือรถยนต์ที่ออกใหม่ แบบไม่ให้เครียด แต่มีข้อมูลที่ชัดเจนและวิเคราะห์ได้ตรงไปตรงมา โดยสามารถฟังในขณะที่ทำงานอื่นได้ เช่น ขับรถ ทำครัว วิ่งออกกำลังกาย ฯลฯ หากเว็บไซต์ใดทำสื่อลักษณะ podcast ประกอบด้วยก็จะได้รับความสนใจมากขึ้น

3. ใช้งานง่ายในโทรศัพท์มือถือ

โทรศัพท์มือถือเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับคนรุ่นใหม่ รวมถึงผู้สูงวัยมากขึ้น ซึ่งหลายประเทศกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้การเข้าถึงข้อมูลและการสั่งซื้อสินค้าต่าง ๆ ไม่ได้ทำจากคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะอีกต่อไป คนที่ต้องการให้ แบรนด์ขยายไปสู่ลูกค้าที่กว้างขวางขึ้นจึงต้องมีการปรับคุณภาพเว็บไซต์ให้ใช้งานได้ดีในโทรศัพท์มือถือมากขึ้น และควรมี chatbot ที่ช่วยให้การตอบโต้กับลูกค้ารวดเร็วขึ้นให้ผู้ใช้งานประทับใจด้วย

4. เนื้อหาที่โดดเด่น

เนื้อหาหรือที่เรียกว่า Content SEO เป็นเหมือนหัวใจของเว็บไซต์ หากไม่สามารถผลิตให้มีความแตกต่างในมุมมองการเสนอและวิเคราะห์ ทั้งในเชิงลึกและเชิงกว้าง ก็จะไม่สามารถทำให้แบรนด์เป็นที่จดจำและขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นได้ ซึ่งการทำ Content ไม่ได้หมายความเป็นตัวอักษรเท่านั้น ยังหมายถึงเรื่องของการทำคลิปวีดีโอ การทำแอนิเมชั่น หรือการถ่ายภาพประกอบที่ต้องมีเอกลักษณ์ด้วย

จะเห็นได้ว่า ในปี 2020 แนวการทำเว็บไซต์ SEO เป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับคนทำเว็บไซต์มากขึ้น ซึ่งแสดงถึงการแข่งขันในธุรกิจออนไลน์ที่สูงขึ้น ต้องมีมาตรฐานในการผลิตผลงานที่ดีและน่าสนใจยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เราหวังว่าบทความนี้จะทำให้ผู้ที่อยู่ในธุรกิจของโลกออนไลน์ปรับตัวและนำไปพัฒนาให้ธุรกิจบรรลุเป้าหมายอย่างยั่งยืนต่อไป

แนวการพัฒนาเว็บไซต์ SEO ในปี 2020

SEO ทั่วไป

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ keyword SEO

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ keyword SEO

การทำเว็บไซต์ให้ประสบความสำเร็จ มีผู้คนรู้จักและมียอดขายสินค้าที่มากขึ้น จำเป็นต้องรู้จักการเลือกใช้ keyword SEO ที่เหมาะสม ซึ่งกูรูการตลาดแนะนำว่าในเบื้องต้นสามารถหาได้จาก Google search ซึ่งจะมีคำขึ้นอัตโนมัติ ตรงกับการสืบค้นที่คนทั่วไปนิยม หรือดูที่ด้านล่างของหน้าจอจะมีคำว่า related to หมายถึงคำอื่นๆ ที่มีการสืบค้นเพิ่มเติมอีก ซึ่งก็มีนัยสำคัญทางสถิติที่สามารถนำมาใช้เพื่อการเขียนบทความ ทำหัวข้อ ออกแบบ meta-description ที่มีทำให้อันดับ SEO เพิ่มได้

นอกจากที่กล่าวมา การคิด keyword SEO ที่แหวกแนวจากแบบเดิม ๆ เพิ่มความดึงดูดใจผู้อ่าน ก็มีเทคนิคที่น่าสนใจดังต่อไปนี้

1. คำที่หมายถึง ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร

keyword ที่ตอบโจทย์ทั้งสี่คำถามนี้ นับว่าเป็นพื้นฐานสำหรับการเขียนบทความที่น่าสนใจ หากคุณต้องการสร้างบทความ SEO ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่คุณจำหน่าย เช่น เสื้อผ้าเกาหลี หากคุณยังไม่รู้ว่าจะใช้คำว่าอย่างไร ให้นึกถึงคำว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร เพื่อสร้างบทความที่จูงใจได้ สำหรับสินค้ากลุ่มเสื้อผ้าเกาหลีอาจจะทำบทความที่ว่า “แฟชั่นเสื้อผ้าเกาหลี..คนรุ่นใหม่อยากไปเที่ยวช่วงฤดูหนาว แต่งตัวอย่างไรดี 2019” เพียงเท่านี้ ก็จะได้แนวทางการเขียนบทความ และทำให้คุณจับประเด็นในการหาภาพประกอบที่เหมาะสม เพื่อจูงใจผู้อ่านให้มาสนใจบทความมากขึ้นได้

2. มองหาปัญหาของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย

หากคุณทำผลิตภัณฑ์เพื่อการบำรุงผิวหรือแก้ปัญหาสุขภาพเส้นผมแห้งเสีย ต้องมองว่าลูกค้าที่ต้องการใช้ผลิตภัณฑ์เป็นผู้ที่ประสบปัญหาใดบ้าง เช่น ปัญหาผิวพรรณ ได้แก่ ผิวหมองคล้ำ เป็นสิว ฝ้า ผิวแห้ง ผิวมัน หน้าเยิ้มมันง่ายเมื่อแต่งหน้า หรือปัญหาผมเสียจากปัญหาการเปลี่ยนสีผมบ่อย หนังศีรษะเป็นรังแค เส้นผมแห้งแตกปลายแต่หนังศีรษะมัน เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ คือวัตถุประสงค์ที่ลูกค้าจะหาบทความอ่านเพื่อที่จะเสริมความรู้ และมองหาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ปัญหาเหล่านี้ด้วย หากมีการแนะนำสินค้าต่อเนื่องจากการให้ความรู้ จะทำให้ยอดขายดีขึ้นได้มากทีเดียว

3. ใส่ใจทุกแพลตฟอร์ม

หลายคนมีทั้งเว็บไซต์ที่สืบค้นได้ผ่าน Google และเพจใน Facebook เพื่อการเข้าถึงลูกค้า โดยเฉพาะคนไทยที่นิยมใช้ Facebook เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ต้องอย่าลืมใส่ keyword SEO ลงไปในทั้ง 2 แหล่ง และสร้างลิงก์เชื่อมโยงกันซึ่งนับว่าเป็น off- Page SEO ที่เพิ่มอันดับในการสืบค้นของธุรกิจของคุณบนโลกออนไลน์ได้ง่ายยิ่งขึ้นด้วย

เราหวังว่าบทความนี้ จะช่วยให้เห็นประโยชน์ของการเลือก keyword SEO ที่ดี ซึ่งการันตีได้ว่าหากทำอย่างต่อเนื่องและผลิตเนื้อหาบทความให้มีความทันสมัยอยู่เสมอแล้ว ก็จะทำให้สินค้าของคุณมียอดขายที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน

การคิด keyword SEO ที่แหวกแนวจากแบบเดิม

SEO ทั่วไป, แนวทาง SEO อื่นๆ

การทำ SEO ให้เพจใน Facebook สำคัญอย่างไร

Facebook App On The Apple Iphone Display And Desktop Version Of

ผู้ที่เปิดเพจใน Facebook เพื่อขายสินค้าล้วนต้องการมียอดขายสูงขึ้นควบคู่กับเพิ่มแฟนเพจมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะแสดงถึงความมั่นคงทางธุรกิจและมีอำนาจในการแข่งขันกับแบรนด์อื่นๆ

การทำ SEO หรือ search engine optimization ให้ค้นหาชื่อ Facebook ให้ถูกเจอได้ง่ายขึ้นทั้งใน Facebook และบน Google ใน SERP หรือ search engine results page จะเป็นผลดีให้บรรลุความต้องการที่กล่าวมา ซึ่งผู้มีเพจใน Facebook ควรใส่ใจในด้านต่าง ๆ ดังนี้

1. การตั้งชื่อเพจใน Facebook

ควรจะใช้ keyword ที่เป็นคำสำคัญในการสืบค้นหลัก เช่นเดียวกับที่ใช้ใน Google เพื่อการสืบค้นเจอง่ายที่สุด โดยควรใส่ชื่อแบรนด์สินค้าหรือร้านค้าของคุณลงไปด้วย เพื่อสร้างความจดจำในระยะยาว เช่น เสื้อผ้ามือสอง+น้องเมย์ รองเท้ากีฬา+Nike+เชียงใหม่

ซึ่งมีการวิเคราะห์พบว่า ร้านค้าที่ใช้คำสำคัญที่ยาวและจำเพาะมากขึ้นหรือที่เรียกว่า long tail niche keyword จะทำให้มีสัดส่วนของการขายสินค้าได้มากกว่าการใช้คีย์เวิร์ดแบบสั้น

2. การใส่ข้อมูลต่างๆ ในช่องที่ Facebook ให้กรอก

ควรใส่ข้อมูลให้ครบถ้วนในช่อง About ที่ให้ใส่ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้าและสินค้าที่จำหน่าย เหมาะกับกลุ่มลูกค้าประเภทใด ตำแหน่งที่ตั้ง เช่น ชื่อถนน จังหวัด เวลาเปิดปิดทำการ ฯลฯ

ข้อมูลในช่อง About เทียบได้กับส่วน Meta Description ของการทำบทความในเว็บไซต์ออนไลน์ ที่ต้องมีการใส่ keyword SEO ลงไปด้วย จะทำให้ผู้อ่านได้เข้าใจ ถึงวัตถุประสงค์ในการเปิด Facebook ของคุณที่ชัดเจน และทำให้มีอันดับ SEO ในการสืบค้นที่ดีขึ้นตามมา

3. การอัปเดตข้อมูลใน Facebook อย่างเหมาะสม

ควรศึกษาช่วงเวลาที่มีคนใช้ Facebook มากที่สุดในแต่ละวัน โดยหาจากข้อมูลสถิติที่นักการตลาดมืออาชีพทำการวิเคราะห์ ว่ากลุ่มเป้าหมายของสินค้าคุณสืบค้นข้อมูลช่วงเวลาใดบ่อยที่สุด ก็ควรเน้นการโพสต์ประชาสัมพันธ์สินค้า ทั้งรูปภาพและบทความที่มีความยาวเหมาะสม 100-200 คำในช่วงเวลานั้น

การเลือกช่วงเวลาที่ดีและใส่ใจคุณภาพของสิ่งที่โพสต์เป็นประจำ ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของเพจ และช่วยเพิ่มค่าสถิติ เช่น ค่า reach engagement ต่างๆ ที่จะทำให้อันดับ SEO สูงขึ้นตามไปด้วย

การทำ SEO ให้เพจใน Facebook สำคัญอย่างไร

จะเห็นได้ว่า การทำ SEO ให้แก่เพจใน Facebook เป็นสิ่งที่ต้องศึกษา หากต้องการเพิ่มความเชื่อมั่นในร้านค้า เพิ่มจำนวนลูกค้าประจำและทำให้มียอดขายที่ดีตามมาอย่างต่อเนื่อง

หากคุณยังเป็นมือใหม่ในการเปิดเพจร้านค้าออนไลน์ สามารถหา Keyword SEO ที่จะใช้ได้ ผ่านทางการพิมพ์ในช่อง Google search ซึ่งจะปรากฏผลแบบอัตโนมัติให้คุณเลือกได้ หรือดูที่ด้านล่างของคำว่า Search related to ซึ่งจะมีตัวอย่างคำอัตโนมัติขึ้นมา นั่นคือ ผลลัพธ์จากการสืบค้นจริง ๆ ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณ

เราหวังว่า บทความนี้จะทำให้ท่านที่เปิดเพจขายสินค้าใน Facebook เห็นช่องทางในการประชาสัมพันธ์ที่ดียิ่งขึ้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการทำธุรกิจออนไลน์ต่อไป

SEO ทั่วไป

SEO คืออะไร จะวัดผลการเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร

SEO คืออะไร จะวัดผลการเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร

SEO เป็นหนึ่งในเทคนิคการตลาดที่ผู้เชี่ยวชาญในการทำธุรกิจออนไลน์แนะนำไว้ เนื่องจากจะช่วยเพิ่มยอดขายและจำนวนลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ แตกต่างจากการทำ SEM หรือ Search Engine Marketing ที่ต้องเสียค่าประมูลพื้นที่โฆษณาและจ่ายเงินแบบ PPC หรือ Pay Per Click ให้แก่ Search Engine อย่าง Bing, Yahoo หรือ Google

SEO หรือ Search Engine Organization คือ การออกแบบเว็บไซต์ให้ใช้งานง่าย เข้ากับไลฟ์สไตล์และความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย เช่น มีการวางผังโครงสร้างที่เหมาะสมกับการใช้งานในโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ มีการแยกหมวดหมู่สินค้าออกจากโฆษณา ที่สำคัญ คือ ผลิตบทความที่มีคุณภาพเพื่อให้สาระและประโยชน์แก่ผู้อ่าน โดยมีการใช้ Keyword ที่เหมาะสมและอัปเดตข้อมูลให้ทันสมัยที่สุด

ผู้ประกอบการทำธุรกิจออนไลน์ควรศึกษาขั้นตอนการทำ SEO อย่างละเอียดและควรทราบว่า โดยหลักการแล้ว การทำ SEO เป็นการสะสมข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ระบบ Algorithm AI อัจฉริยะของ Search Engine ประมวลผล และคัดกรองคุณภาพของเว็บไซต์เป็นระยะ จึงมักจะใช้เวลาในการเห็นผลการเปลี่ยนแปลง SEO ที่ 3 ถึง 6 เดือนขึ้นไป (ซึ่งขึ้นกับชนิดของธุรกิจด้วย เช่น การโรงแรม จะเห็นผลของ SEO ที่ 1 ปี ขึ้นไปหลังการทำ)

นอกจากการเห็นผลการเปลี่ยนแปลงด้านของยอดขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากการทำ SEO และฐานลูกค้าที่กว้างขึ้นแล้ว ผู้ทำเว็บไซต์ออนไลน์ยังสามารถเช็คการเปลี่ยนแปลงของลำดับการนำเสนอเว็บไซต์ที่ดีขึ้นได้ ด้วยวิธีที่กูรูการตลาดแนะนำไว้ 3 ช่องทาง ดังนี้

1. การใช้ Google Search Console

หลังจากการติดตั้ง Google Search Console และเชื่อมเข้ากับเว็บไซต์แล้ว ก็สามารถที่จะใส่ Keyword เพื่อตรวจสอบได้ว่าเว็บไซต์ของคุณอยู่ในอันดับที่เท่าไหร่ ซึ่งจะปรากฏผลเป็นค่า CTR หรือ Click Through Rate ที่หมายถึง จำนวนผู้ที่เห็นเว็บไซต์แล้วคลิกเข้ามาชม จากข้อมูลเหล่านี้ สามารถนำไปใช้เพื่อการปรับปรุงเว็บไซต์ในระยะยาวได้ด้วย

2. การเช็คผ่าน Application มือถือ

เพียง Download Application SEO SERP ลงในโทรศัพท์มือถือ กดติดตั้งแล้วใส่ Keyword ต่าง ๆ พร้อมกับ URL Address ที่ต้องการทดสอบลงไป จะปรากฏผลอันดับของเว็บไซต์ออกมาอย่างรวดเร็ว มีข้อดีคือสามารถเช็คได้ถึง 10 คีย์เวิร์ดในครั้งเดียว

3. การตรวจสอบผ่านเว็บไซต์ Serplab.Co.Uk

เป็นแหล่งเช็ค SEO ที่สะดวก เพียงใส่ Keyword พร้อมกับ URLลิงก์ลงไปก็จะสามารถเช็คอันดับของเว็บไซต์ SEO ได้ง่าย ๆ โดยเช็คพร้อมกันได้ 5 คีย์เวิร์ด

จะเห็นได้ว่าการทำ SEO มีประโยชน์หลากหลายด้าน และสามารถเช็คผลการเปลี่ยนแปลงได้จริง เพียงแต่ต้องใช้ระยะเวลาในการสะสมข้อมูล ผู้ประกอบการที่ต้องการประสบความสำเร็จในการทำเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ ควรศึกษาการทำและการวัดผล SEO ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อไม่ให้เสียโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจในระยะยาว

SEO เป็นหนึ่งในเทคนิคการตลาด